เพชรบุรี - หนุ่มวัย 41 ปี เมืองเพชรบุรีเมาสุรา ควงมีดไล่แทงเจ้าหน้าที่สาว รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลธงชัย เมืองเพชรบุรี ได้รับบาดเจ็บ ก่อนถูกตำรวจจับกุม สารภาพแอบรักผู้บาดเจ็บมานานแต่ผู้บาดเจ็บไม่เล่นด้วยจึงลงมือก่อเหตุเพื่อฆ่าทิ้ง
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (9 ต.ค.) พ.ต.ท.เชิญ พรายมี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุคนบุกเข้าไปใช้อาวุธมืดแทงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลธงชัย อ.เมือง จ.เพชรบุรี ได้รับบาดเจ็บจึงประสานไปยังทีมแพทย์โรงพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรี พร้อมนำกำลังรุดเข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลธงชัย หมู่ 3 ต.ธงชัย อ.เมือง จ.เพชรบุรี พบรอยเลือดจำนวนมากภายในห้องทำงาน และเศษกระจกตกแตกเกลื่อนกระจายอยู่พื้น ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บได้วิ่งหลบไปอยู่บ้านพักของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรีในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ น.ส.พรพิมล สมร่าง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 16 ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เป็นเจ้าหน้าที่ทำงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลธงชัย
โดยผู้บาดเจ็บถูกแทงเข้าที่บริเวณแขนซ้าย ชายโครงซ้าย ไหล่ขวา และอยู่ในอาการตกใจ ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นชาย 1 ราย โดยหลังก่อเหตุได้หลบหนีไป นอกจากนี้ ยังพบอาวุธมีดที่ผู้ก่อเหตุใช้แทง น.ส.พรพิมล ถูกปักอยู่ท้ายรถยนต์เก๋งวีออสสีขาว หมายเลขทะเบียน กน 7892 เชียงราย เป็นมีดพกสั้นมีเลือดติดอยู่จำนวนมาก
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ที่หมู่ 8 ต.ธงชัย อ.เมือง จ.เพชรบุรี ทราบชื่อต่อมาคือ นายสหพร บุญผลา หรือป้อม อายุ 41 ปี อยู่ในอาการมึนเมา จึงได้ควบคุมตัวมาทำการสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเพชรบุรี
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า เห็นนายป้อมขี่รถจักยานยนต์ สปาร์ค สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กรล 16 เพชรบุรี วนเวียนไปมาตั้งแต่ช่วงเช้า โดยก่อนเกิดเหตุนายป้อม ได้ถือมีดเดินตรงเข้ามาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลธงชัย แล้วใช้มีดแทง น.ส.พรพิมล จนล้มลง โดย น.ส.พรพิมล ได้วิ่งหนีออกไปด้านนอก ขณะที่ผู้ก่อเหตุไม่ได้วิ่งตามไป จากนั้น น.ส.พรพิมล ได้วิ่งกลับมาที่ห้องเดิมอีกครั้ง นายป้อม ก็ได้วิ่งตามเข้ามา และใช้อาวุธมีดแทงซ้ำอีกหลายครั้งจน น.ส.พรพิมล ต้องวิ่งหนีออกไปอีก และเข้าไปหลบในที่บ้านชองชาวบ้านใกล้เคียง ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา
จากการสอบปากคำเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า แอบรักผู้บาดเจ็บ แต่ผู้บาดเจ็บไม่ชอบ และไม่เล่นด้วยจึงลงมือก่อเหตุเพื่อทำลายทิ้ง โดยเจ้าหน้าที่ยังดำเนินการสอบปากคำเพิ่มเติมเนื่องจากผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการมึนเมา
