กาฬสินธุ์ - กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ขานรับนโยบาย คสช. จัดเดินสายสินค้าโอทอปทั่วไทย ตั้งแต่ระดับ 3 ถึง 5 ดาว ที่จ.กาฬสินธุ์ ยกขบวนสินค้าชั้นนำกว่า 300 คูหา จัดจำหน่ายเข้าถึงชุมชน มั่นใจเกิดเม็ดเงินสะพัดกว่า 30 ล้านบาท
วันนี้ (4 ต.ค.) ที่บริเวณลานอเนกประสงค์หน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานเปิดการจัดงานมหกรรมสินค้าโอทอป 4 ภูมิภาค โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ขานรับนโยบาย คสช. กระตุ้นเศรษฐกิจทั่วไทย นำสินค้าโอทอปตั้งแต่ระดับ 3 ถึง 5 ดาว ยกขบวนสินค้าชั้นนำกว่า 300 คูหา จัดจำหน่ายภายในเต็นท์ติดแอร์ขนาดใหญ่ จัดมหกรรมสินค้าโอทอป เริ่มตั้งแต่ 30 กันยายน ไปจนถึงวันที่ 9 ตุลาคมนี้ คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนจากการซื้อขายสินค้ามากกว่า 30 ล้านบาท
นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า สินค้าที่จัดแสดงเป็นสินค้าโอทอปหลากหลายชนิด ตั้งแต่เครื่องดื่ม อาหาร สมุนไพร เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ ไปจนถึงของตกแต่งบ้าน ซึ่งประสบความสำเร็จ ผลิตภัณฑ์โอทอปบางรายการถูกยกระดับเป็นสินค้าเอสเอ็มอี มีเงินหมุนเวียนมากกว่า 50 ล้านบาทต่อปี กรมการพัฒนาชุมชน จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง โดยเฉพาะการสัญจรในแต่ละพื้นที่จะนำผู้ผลิตสินค้าโอทอปเข้ามาศึกษาดูงานถึงเทคนิคการพัฒนาไปสู่ความสำเร็จที่มั่นคงต่อไป
นายวีระศักดิ์ ประภาวัฒน์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมภูมิปัญหาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน กล่าวว่า การจัดงานโอทอปในภูมิภาค กรมการพัฒนาชุมชน มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนช่องทางการตลาดให้แต่ละชุมชนสามารถใช้ทรัพยากร และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่พัฒนาสินค้า โดยหน่วยงานภาครัฐพร้อมสนับสนุนให้ชุมชนเข้าถึงองค์ความรู้สมัยใหม่ แหล่งเงินทุน และการตลาด เพื่อเชื่อมโยงสินค้าดีมีคุณภาพจากชุมชนเข้าสู่ตลาดทั้งภายใน และต่างประเทศ
ด้านนายภุชงค์ โพธิกุฏสัย ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า แนวทางพัฒนาสินค้าโอทอป ในอนาคต สินค้าชุมชนจะถูกนำขึ้นมาปัดฝุ่นให้เกิดความทันสมัย และสอดคล้องต่อความต้องการของตลาด เพราะการพัฒนาที่เป็นรากฐานความมั่นคงสำคัญจะอยู่ในระดับชุมชน ดังนั้น การพัฒนาสินค้าในชุมชนจะต้องมีความเข้มแข็ง และมีความทันสมัยตรงความต้องการตลาด จึงจะสามารถนำเข้าแข่งขันในตลาดภายในประเทศได้อย่างเต็มที่
สำหรับสินค้าชั้นนำของจังหวัดกาฬสินธุ์ ขณะนี้เป็นผ้าไหมแพรวา ได้รับการยกย่องให้เป็นราชินีแห่งไหม ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รับเข้าสู่โครงการศูนย์ศิลปาชีพ ปัจจุบันในแต่ละปีเฉพาะผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ สามารถสร้างเม็ดเงินจากการจำหน่ายสินค้าได้มากกว่า 500 ล้านบาท