ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - จนท.อุทยานแห่งชาติศรีลานนาและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว พร้อมฝ่ายปกครองอำเภอพร้าวนำกำลังลุยป่าตรวจสอบร่อยรอยสัตว์ป่าขนาดใหญ่ที่ขย้ำลากวัวควายไปกินแล้วหลายตัว จนทำให้ชาวบ้านขวัญผวาหนักตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ยืนยันเป็นเสือโคร่ง เตือนช่วง 2 เดือนนี้งดเข้าป่าและนำสัตว์เลี้ยงไปใกล้ เพื่อความปลอดภัย
จากกรณีชาวบ้านตำบลสันทราย อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ต้องหวาดผวาอย่างหนักตลอดช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่พบว่าวัว ควายที่เลี้ยงไว้ถูกสัตว์ป่าขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นเสือทำร้ายและกัดกินไปแล้วหลายตัว จึงมีการแจ้งให้ทางอุทยานแห่งชาติศรีลานนาทราบ พร้อมประสานนำกำลังเจ้าหน้าที่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอพร้าว เข้าตรวจสอบร่องรอยของสัตว์ป่าดังกล่าว โดยเริ่มที่บริเวณหมู่ที่ 2 บ้านดงป่าข่า ตำบลสันทราย ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่มีผู้พบเห็นรอยเท้าเสืออย่างชัดเจน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบแกะรอยตลอดระยะทางตามที่รับแจ้ง ซึ่งสภาพพื้นที่เป็นป่าเขาที่เส้นทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร จึงพบจุดที่พบร่องรอยของการล่าเหยื่อ โดยพบขนของวัวที่เคราะห์ร้ายถูกกัดและกระชากร่างมาตามเนินเขาที่ลาดชัน ชนเข้ากับต้นไม้ ห่างไปไม่ไกลเจ้าหน้าที่พบรอยเท้าหลายรอย วัดขนาดได้ราว 12 เซนติเมตร ซึ่งนักวิชาการจากสถานีวิจัยสัตว์ป่าดอยเชียงดาว ยืนยันว่าเป็นรอยเท้าของเสือโคร่งและน่าจะเป็นเพศผู้ โดยดูจากระยะห่างการเดินระหว่างเท้าคู่หน้าและเท้าคู่หลังแล้วน่าจะมีขนาดความยาวประมาณ 150 เซนติเมตร
นายวิเชียร ชัยลูน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลห้วยส้าน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ติดต่อกัน เปิดเผยว่า ตั้งแต่อยู่มา 50 ปีไม่เคยเจอเหตุการณ์สัตว์ป่าเข้ามาทำร้ายสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน ยอมรับว่าชาวบ้านเสียขวัญและต้องการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล เบื้องต้นได้กำชับให้ชาวบ้านงดเข้าป่า และดูแลสัตว์เลี้ยงในบริเวณบ้าน ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นซ้ำ
ขณะที่นักวิชาการป่าไม้ยืนยันว่า หลังจากมีเจ้าหน้าที่และชาวบ้านเข้าไปดูจุดเกิดเหตุต่อเนื่อง เชื่อว่าเสือโคร่งตัวนี้น่าจะหลบไปไกลจากพื้นที่แล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการต่อไป แต่เบื้องต้นต้องกันชาวบ้านออกจากพื้นที่ป่าในระยะ 2 เดือนเพื่อให้แน่ใจว่าเสือโคร่งตัวนี้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือการแบ่งเส้นระหว่างพื้นที่ป่ากับเขตชุมชน เพราะจุดที่สัตว์เลี้ยงของชาวบ้านโดนเสือโคร่งทำร้ายล้วนอยู่ในเขตป่าของอุทยานแห่งชาติศรีลานนาทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ย้ำเตือนชาวบ้านในพื้นที่ผ่านทางผู้นำชุมชนว่าในระยะนี้ห้ามชาวบ้านนำสัตว์เลี้ยงออกมาเลี้ยงในชายป่าเขตอุทยานฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย รวมทั้งห้ามชาวบ้านออกล่าเสือตัวดังกล่าวเนื่องจากถือว่าผิดกฎหมาย โดยทางเจ้าหน้าที่จะจัดเวรยามมาคอยดูแลพื้นที่ร่วมกับชาวบ้านจนกว่าเสือตัวนี้จะหลบหนีเข้าไปในป่าลึก