ลำพูน-ชาวบ้านรวมตัวกว่า 300 คน ไล่ผู้ใหญ่หลังร้อง คสช.นัดแจงก่อนเบี้ยวนัด ล่ารายชื่อเอาออกบี้แจงเงิน SML เงินกองทุนหมู่บ้าน กองทุนข้าวสาร ส่อแววทุจริต
วันนี้ (28 ก.ย.) ที่ลานหน้าวัดป่าตึง หมู่ที่ 6 ตำบลเหมืองจี้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ได้มีชาวบ้านจำนวนกว่า 300 คน เดินถือป้ายไล่ นายกฤตภาส สามแสน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 บ้านป่าตึง ตำบลเหมืองจี้ โดยเขียนป้ายโจมตีด้วยถ้อยคำรุนแรงเช่น คืนความสุขให้ประชาชนชาวบ้านป่าตึง ความปรองดองจะไม่มี ถ้าผู้นำคนนี้ยังอยู่ ชอบบ้านเอือมระอาเต็มทีแล้ว ไปสู่ที่ชอบๆ เถิด และ พวกเราไม่ต้องการผู้นำที่ไม่โปร่งใส บ้าอำนาจ เอาแต่ใจตัว ดูถูกชาวบ้านเราไม่ต้องการ เป็นต้น
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา ได้มีตัวแทนชาวบ้านป่าตึง จำนวน 15 ราย เดินทางไปยื่นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ทหาร กกล.รส.พล.ร.7สย.1 เพื่อให้เข้ารับฟังการชี้แจงของนายกฤตภาส ผู้ใหญ่บ้านในวันนี้ (28 ก.ย.)
เมื่อถึงเวลานัดหมายมีผู้เข้าร่วมเป็นชาวบ้านกว่า 300 คน และมีผู้นำฝ่ายต่างๆ ประกอบด้วย ร.ต.ศรีธร คำวงศ์ปิน หน.ชุด ชป.มวลชนป่าซาง นายยศ ศรีวิชัย ส.จ.เขตตำบลเหมืองจี้ นายสิงห์ทอง ปะมะสอน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเหมืองจี้ พร้อมกับผู้นำชุมชนในพื้นที่
เมื่อถึงเวลา นายกฤตภาส ไม่ได้เดินทางมาตามที่ได้นัดหมาย สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านอย่างมาก จึงพากันกล่าวโจมตีต่างๆ โดย นายมนตรี คำคึง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ที่ 6 ตำบลเหมืองจี้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน หนึ่งในแกนนำเปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นายกฤตภาส บริหารงานภายในหมู่บ้านเป็นไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัยหลายประการ เช่น เงินกองทุนหมู่บ้าน เงินโครงการ SML เป็นต้น เมื่อถูกชาวบ้านถามทีไรก็ทำเป็นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ยอมชี้แจง เป็นอย่างนี้มานานหลายปีแล้ว เป็นความอึดอัดของชาวบ้าน
ด้านนางนงเยาว์ อุดตึง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 6 ตำบลเหมืองจี้ ชาวบ้าน กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมา การบริหารงานของผู้ใหญ่บ้านส่อแววไม่โปร่งใส เช่นเงินกองทุนข้าวสาร ที่ภรรยาเป็นคนถือไว้ เงินพัฒนาหมู่บ้านเงินสร้างน้ำประปาในหมู่บ้าน เงินกลุ่มจักสานที่ทำกันมาตั้งแต่ปี 2548 เงินฝากของชาวบ้าน ก็ไม่เคยชี้แจงรายรับรายจ่าย หลายสิ่งหลายอย่างทำให้ชาวบ้านเกิดความคับแค้นใจที่ผู้นำมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ จึงเป็นที่มาของการรวมตัวกันในวันนี้
หลังจากนั้น ตัวแทนเจ้าหน้าที่ทหารได้ทำความเข้าใจเพื่อสร้างความปรองดองแก่ชาวบ้าน โดยให้ชาวบ้านสามัคคีกันเข้าไว้ และร่วมกันหาทางออกไปในทิศทางที่ดี ส่วนของภาครัฐก็ต้องวางตัวให้เป็นกลาง ก่อนแยกย้ายกันกลับ ชาวบ้านได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อยื่นให้ทางจังหวัดลำพูน เพื่อให้ปลดออกจากตำแหน่งต่อไป