บุรีรัมย์ - ประชาชน นักเรียน นักศึกษาบุรีรัมย์แห่กินอาหารเจ ที่มูลนิธิไท่เมี่ยวธรรมสถานเปิดให้บริการฟรีคึกคัก เผยเมนูเด็ดส้มตำปลาร้าเจทำจากถั่วเหลืองหมักได้รับความสนใจเป็นพิเศษจนต้องเข้าคิวรอ พร้อมไหว้ขอพรพระโพธิสัตว์ และร่วมบริจาคเป็นทุนประกอบอาหารเจให้ประชาชนรับประทานฟรีครบ 10 มื้อ
วันนี้ (25 ก.ย.) บรรยากาศเทศกาลถือศีลกินเจที่จังหวัดบุรีรัมย์ยังคงคึกคัก โดยเฉพาะที่มูลนิธิไท่เมี่ยวธรรมสถาน ตั้งอยู่ถนนแสนสุข ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ได้ประกอบอาหารเจแจกจ่ายให้ประชาชนได้รับประทานฟรีตลอด 3 มื้อ เช้า เที่ยง และเย็น เป็นเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.-2 ต.ค. 2557 เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนได้หันมารับประทานเจจำพวกพืชผักผลไม้ ละเว้นการกินเนื้อสัตว์ เพื่อเป็นการเว้นกรรมลดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมากขึ้นด้วย
โดยมีประชาชน นักเรียน นักศึกษาสนใจมาร่วมรับประทานอาหารเจฟรีกันอย่างคึกคัก ซึ่งแต่ละวันทางมูลนิธิฯ จะประกอบอาหารเจบริสุทธิ์ที่ปราศจากเนื้อสัตว์ มาให้ประชาชนได้เลือกรับประทานวันละ 10-20 อย่าง แต่เมนูเด็ดที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มนักเรียน นักศึกษาเป็นพิเศษ คือ ส้มตำลาว หรือส้มตำปลาร้า ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้ใช้ถั่วเหลืองหมักทำเป็นปลาร้าเจ ผู้ที่รับประทานบอกว่ารสชาติไม่ต่างจากปลาร้าของจริง จนถึงขั้นต้องพากันเข้าคิวรอเพราะตำไม่ทัน
นอกจากนั้น ทางมูลนิธิฯ ยังได้จัดให้ผู้ที่มารับประทานเจได้กราบไหว้ขอพรพระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นผู้ที่มีมหาเมตตา ละเว้นจากการรับประทานเนื้อสัตว์ทั้งปวง ทั้งเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง พร้อมทั้งร่วมบริจาคเป็นทุนในการประกอบอาหารเจแจกจ่ายแก่ประชาชนที่สนใจได้ร่วมรับประทานให้ครบทั้ง 10 วันด้วย
น.ส.สายฝน คงหาดงาม เลขานุการมูลนิธิไท่เมี่ยวธรรมสถาน จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ปีนี้เป็นปีที่สามแล้วที่มูลนิธิไท่เมี่ยวธรรมสถานได้ประกอบอาหารเจแจกจ่ายแก่ประชาชนได้รับประทานฟรี เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนได้หันมารับประทานอาหารเจงดเว้นการกินเนื้อสัตว์ให้มากขึ้น และเป็นการสร้างบุญในอีกทางหนึ่ง โดยแต่ละวันจะประกอบอาหารเจแจกจ่ายแก่ประชาชนได้รับประทานครบทั้ง 3 มื้อ เช้า เที่ยง เย็น แต่ละวันจะประกอบอาหาร 10-20 อย่างให้ประชาชนได้เลือกรับประทาน ทุกอย่างเป็นอาหารเจบริสุทธิ์ปราศจากเนื้อสัตว์
“เมนูที่ได้รับความสนใจจากประชาชน และนักเรียน นักศึกษาที่มาร่วมกินเจคือ ส้มตำเจ โดยเฉพาะส้มตำลาว ซึ่งปลาร้าทำจากถั่วเหลืองหมักนั้นได้รับความสนใจเป็นพิเศษ มีทั้งนั่งรับประทานที่มูลนิธิฯ และใส่ถุงกลับไปรับประทานที่บ้าน” น.ส.สายฝนกล่าว