บุกพิสูจน์ความจริง "ที่พักสงฆ์ทุ่งเสลี่ยม" (1)
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ชาวบ้านทุ่งเสลี่ยม เมืองสุโขทัยสลดใจไม่หาย หลัง จนท.รัฐนำกำลังบุกจับสึกพระสำนักสงฆ์ดังทุ่งเสลี่ยม หน้าห้องขัง พร้อมตั้งข้อหาหนักประกอบการโรงเลื่อยกับไม้สัก 7 ชิ้น ขณะที่ พ.ร.บ.ป่าไม้ระบุชัด "ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" รุกป่าสงวนแห่งชาติแม่มอก-ป่าแม่พันลำ 28 ไร่ แต่ทำไมต้องจับพระสึกกลางพรรษา
นับจากกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.ทุ่งเสลี่ยม และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุโขทัย ผนึกกำลังบุกเข้าตรวจยึด "ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 14 ส.ค.57 หมู่ 3 ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย หลังจากมีผู้ร้องเรียนว่า "ที่พักสงฆ์แห่งนี้มีการบุกรุกป่าสงวน 109 ไร่ มีรถหรู พร้อมทั้งอู่ซ่อมรถยนต์อยู่ภายในวัด จนชาวบ้านรอบข้างเอือมระอา"
จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า เจ้าหน้าที่รัฐทำเกินกว่าเหตุ ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่รัฐก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อมีผู้กระทำความผิดเจ้าหน้าที่ก็ต้องเข้าไปดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม เพื่อความกระจ่างชัดในเรื่อง "ASTVผู้จัดการออนไลน์" จึงส่งทีมข่าวเฉพาะกิจลงพื้นที่ไปพิสุูจน์เรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดและเพื่อความถูกต้อง
โดยทีมเฉพาะกิจ "ASTVผู้จัดการออนไลน์" ได้ไปตรวจสอบบันทึกการจับกุมของเจ้าหน้าที่หลังจากที่มีการนำกำลังเข้าไปตรวจยึด "ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" เมื่อวันที่ 14 ส.ค.57 ที่ผ่านมา
**จนท.รัฐบุกยึดไม้สักของกลาง 7 ท่อน
จากการตรวจสอบตามบันทึกการจับกุมของหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ 4 (น้ำดิบ) ซึ่งตามเข้าไปตรวจยึดในเวลาต่อมาระบุ ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์ หมู่ 3 บ้านโป่งคาง ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่มอก-ป่าแม่พันลำ พิกัด 11 จุด ที่ 47 Q 0558054 E1905684 N จำนวน 28 ไร่ 82 ตารางวา ถือมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 ฐานยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้างแผ้วถาง เผาป่า อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต คิดเป็นค่าเสียหายแก่รัฐจำนวน 1,924,218 บาท
และ พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 11 ฐานทำไม้หวงห้าม และมาตรา 48 ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ มาตรา 54, 55 ยึดถือครองครอง และมาตรา 69 มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครองครองโดยไม่มีดวงตรา จึงยึดไม้สักที่ถูกตรวจยึดมีเพียง 3 ท่อน คิดเป็น 0.057 ลบ.เมตรกับอีก 4 แผ่น คิดเป็น 0.027 ลบ.เมตร คิดเป็นเงินเสียหายแก่รัฐ 558 บาท
พร้อมอุปกรณ์กระทำความผิด 20 รายการ 30 ชิ้นเก็บของกลางไว้ที่หน่วย สท.4 น้ำดิบ นำส่งคดีที่ 180/2557 ยึดทรัพย์ที่ 107/2557 โดยมีนายทวิป ยุหลง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าหน่วย สท.4 (น้ำดิบ) เป็นผู้ร้องกล่าวโทษ ต่อ พ.ต.ต.ณัฎฐวร กันธายอด พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งเสลี่ยม ตาม ปจว.ข้อ 8 เวลา 23.30 น.วันที่ 14 ส.ค.57
วันนั้น พระอนุพันธุ์ อภิชาโน (ศักดิ์เสือ) หรือ "ครูบาต้อม" เป็นผู้นำตรวจสอบ แต่ไม่ยอมลงชื่อรับทราบเป็นผู้ต้องหาในบันทึกตรวจยึดของเจ้าหน้าที่เนื่องจากไม่พอใจเจ้าหน้าที่ ท่ามกลางชาวบ้านซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่แคลบแคลงใจในข้อหารุกป่า ทั้งๆ ชาวบ้านได้ร่วมกันปลูกป่าเมื่อวันที่ 12 ส.ค.57 โดยมีนายอำเภอทุ่งเสลี่ยม มาร่วมปลูกป่าในที่พักสงฆ์แห่งนี้ด้วย
**พบ "ที่พักสงฆ์ฯ" รุกป่าสงวนฯจริง
ต่อมาผู้สื่อข่าว "ASTVผู้จัดการออนไลน์" ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบผืนดินที่ "พักถ้ำสงฆ์ศรีอินทราทิตย์" ที่อยู่ติดชิดปลายเขา มีเพิงกระต๊อบและบ้านพักเล็กเพื่อปฎิบัติธรรมร่วม 10 หลัง มีแปลงสักที่อยู่ในสภาพที่สมสมบูรณ์ พร้อมกับปลูกกล้าพันธุ์มะค่า พะยูง อายุประมาณ 2-3 ปี มีระบบท่อน้ำหล่อเลี้ยงพันธุ์ไม้
แต่เมื่อตรวจสอบพิกัดแล้วพบว่า "พักถ้ำสงฆ์ศรีอินทราทิตย์" แห่งนี้ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่มอก-แม่ลำพัน รอยต่อวนอุทยานถ้ำลม-ถ้ำวัง ห่างจากบ้านน้ำดิบประมาณ 4 กิโลเมตร มีปากถ้ำสูงจากพื้นดินราบราว 100 เมตร กว้าง 1 เมตร ยาว 2.50 เมตร ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยปรากฎอยู่ภายในที่พักสงฆ์
สำหรับ "วนอุทยานถ้ำลม-ถ้ำวัง" ประกาศตามกฎกระทรวงฉบับที่ 156 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2509 อยู่ในท้องที่บ้านน้ำดิบหมู่ที่ 10 ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ห่างจากที่ว่าการอำเภอทุ่งเสลี่ยม 12 กิโลเมตรเนื้อที่ประมาณ 11,250 ไร่ หรือ 18 ตารางกิโลเมตร ทิศเหนือจดบ้านน้ำดิบ ทิศใต้จดห้วยลานพุ่ม ทิศตะวันตก จดคลองตาแดง ทิศตะวันออก จดห้วยไคร้ ลักษณะภูมิประเทศบริเวณถ้ำลม-ถ้ำวังมีสภาพป่าเบญจพรรณ 60% ป่าเต็งรัง 35% ป่าเสื่อมโทรม 5%
ชัดเจนว่า ที่ "พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ
ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดกล้านำเอกสารสิทธิมาแสดงเอกสารการครอบครองที่ดินได้ แต่ถ้าหากมองดูสภาพแล้วไม่ใช่เป็นการบุกรุกเปิดป่าใหม่ เนื่องจากไม่มีร่องรอยโค่นไม้ ตรงกันข้ามกลับมีการปลูกป่าเพิ่มเติมพร้อมมีอุปกรณ์ท่อน้ำบำรุงต้นไม้ ทำให้เกิดร่องรอยปรับพื้นที่หรือเข้าใช้ประโยชน์ มีอาคารลักษณะศาลาการเปรียญ 1 หลังขนาดใหญ่เพื่อปฎิบัติธรรม และอาคารเล็ก 1-2 หลัง
นอกจากนั้น เป็นเพิงเล็กๆ มุงผ้าไวนิวสำหรับนั่งปฎิบัติธรรมหลายเกือบ 10 จุดบริเวณกลางป่าสวนสัก และตามชายเขา หน้าถ้ำลม-ถ้ำวัง จึงปรากฎเครื่องแปรรูปไม้ และรถไถ พร้อมอาคารเหล็กโรงจอดรถถาวร
นายเรียง ฝังทอง อายุ 62 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย กล่าวว่า ผืนดินแห่งนี้ ตนเคยทำไร่ข้าวโพด ด้วยการถางป่าจับจองตั้งแต่ปี 2532 แต่ผลผลิตไม่ดี เจอสัตว์ป่า อาทิ กระแตกัดกิน สมัยนั้นใครจับจองที่ดินไหนก็ชี้เอาได้ เรียกว่า ไม่ต้องมีเอกสารใดๆ แม้กระทั้งใบ บภท.5 หรือเสียภาษีดอกหญ้า ต่อมาเห็นพระ มาอยู๋ตนจึงยกที่ดินผืนนี้ให้วัดไป
**เผยพระโดนหลอก-จับสึกหน้าห้องขัง
ด้านพระอนุพันธุ์ อภิชาโน (ศักดิ์เสือ) หรือครูบาต้อม กล่าวว่า หลังถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.ทุ่งเสลี่ยม และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุโขทัย นำกำลังบุกเข้าตรวจยึด "ที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" พร้อมกับของกลางหลายรายการ รวมทั้งไม้สักอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 14 ส.ค.57 ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำข้อตกลงสัญญากันกับทางผู้ที่อยู่อาศัย โดยตอนแรกตนเข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่คงจะให้ผู้ที่เข้ามาอยู่อาศัยย้ายออกหลังจากออกพรรษได้ 3 วัน แต่เรื่องกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด และไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งตนข้องใจกับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐมาก
ครูบาต้อม กล่าวต่อว่า ความจริงแล้วควรจะเปิดโอกาสให้พระแสดงหลักฐานหรือชี้แจงบ้าง แต่นี่เจ้าหน้าที่รัฐกลับไม่ฟัง! แถมสั่งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ดำเนินคดี แรกๆ ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหา แต่ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่รัฐบุกเข้ามาลักษณะกดดันคนในที่พักสงฆ์ มีการนำเสนอข่าวโจมตีว่าพระรุกป่าจำนวน 109 ไร่ ทั้งๆ ที่ก็ทราบกันแล้วว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้จัดค่าพิกัดเพียง 28 ไร่ ส่วนรถหรูที่จอดไว้นั้นไม่เกี่ยวเป็นของญาติโยม ต่อมาวันที่ 25 ส.ค.57 เจ้าหน้าที่ตำรวจก็นำหมายมาจับมาจับ ทำให้กลายเป็นผู้ต้องหา ในข้อหาคดีบุกรุกป่าสงวน และจับตนสึกหน้าห้องขัง
"โดยทางตำรวจบอกว่า ถ้าไม่ถอดผ้าจีวร เขาจะมีวิธีถอดจีวรเอง แต่ผมไม่กล่าวลาสิกา จึงนอนกรงขัง 1 คืน วันรุ่งขึ้นจึงเดินทางไปทำบัตรประชาชน มีหนังสือฝากขังและขอประกันในชั้นอัยการ เนื่องจากอัยการเห็นใจ เพราะเราไม่ใช่อาชญากร เพียงแต่ห้ามไม่ให้ไปยุ่งกับวัตถุพยาน แตกต่างจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คัดค้านการประกันตัว"
ครูบาต้อม กล่าวต่อว่า "จากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมอยากขอความเป็นธรรมว่า ขอให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดก่อนได้ไหม แล้วค่อยบังคับถอดผ้าเหลือง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพระสงฆ์เลือกหนีดีกว่าทั้งๆ ที่ไม่ผิดพระวินัยสงฆ์ แต่การกระทำของรัฐมุ่งแต่ยัดข้อหา ยกข้อผิดไม่ยอมฟังเหตุผล"
**ศิษย์พระแฉทุกฝ่ายรุมบีบจับพระสึก
ด้านลูกศิษย์ "ครูบาต้อม" ที่แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า กรณีที่เจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย ระบุตามข้อตกลงว่า วัดใด สายนิกายมหายานสร้างขึ้น ห้ามสายธรรมยุตมาเกี่ยวข้อง แม้กระทั้งจะเป็นวัดร้างไปแล้วก็ตาม แต่ชาวบ้านนั้นไม่รู้เรื่องนี้ เพราะเมื่อชาวบ้านเห็นพระอนุพันธุ์ อภิชาโน (ศักดิ์เสือ) หรือครูบาต้อม ธุดงค์ผ่านมาชาวบ้านก็เกิดความศรัทธาและนับถือจึงนิมนต์ให้อยู่ที่ "พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์" แห่งนี้ โดยไม่คิดแบ่งแยกว่าเป็นพระสายนิกายมหายาน หรือสายธรรมยุต
"หลังจากเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้นและยึดที่พักสงฆ์ถ้ำศรีอินทราทิตย์แล้วก็ไม่ได้ชี้แจงให้ชาวบ้านและพระได้รับทราบข้อเท็จจริงว่ามีความผิดในข้อหาใด และก็ไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ จนกระทั่งสัปดาห์ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งเสลี่ยม มีหมายมาจับพระอนุพันธุ์ อภิชาโน (ศักดิ์เสือ) หรือครูบาต้อม โดยที่เจ้าคณะอำเภอทุ่งเสลี่ยม เจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย และสำนักพุทธศาสนาจังหวัดสุโขทัย เดินทางมาด้วย ซึ่งชาวบ้านได้ร้องขอว่าการจับสึกขอให้พ้นพรรษาไปก่อนสัก 3 วันจะดีไหม เพราะมันน่าเกลียด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักพุทธฯ ไม่ยอม ทั้งๆ ครูบาต้อม ไม่ผิดวินัยสงฆ์" ศิษย์ครูบาต้อม หลายคนกล่าว