ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โคราชเดินหน้าเร่งจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ล่าสุด รับขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 1.2 หมื่นคน ชาวเขมรมากสุด กว่า 9,000 คน เตรียมย้ายศูนย์ ONE STOP SERVICE จากสนามกีฬาค่ายสุรนารี ไป รพ.นพรัตน์ เหตุเหลือต่างด้าวน้อยสิ้นเปลืองงบรัฐ เล็งเสนอสร้างหมู่บ้านต่างด้าวเพื่อง่ายต่อการดูแล
วันนี้ (10 ก.ย.) นายอิทธิ คงวีระวัฒน์ จัดหางานจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงการดำเนินการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว ของศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (ONE STOP SERVICE) ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว สัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่ผิดกฎหมาย ที่บริเวณอาคารสนามกีฬาค่ายสุรนารี หน้าประตูทางเข้าค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่า ล่าสุด มียอดรวมแรงงานทั้ง 3 สัญชาติมาขึ้นทะเบียนสะสมตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. จนถึงขณะนี้ รวม 13,071 คน เป็นแรงงาน 12,404 คน แยกเป็น พม่า 1,446 คน ลาว 1,792 คน กัมพูชา 9,166 คน ผู้ติดตาม 667 คน แบ่งเป็น พม่า 34 คน ลาว 88 คน กัมพูชา 545 คน
สำหรับการดำเนินการของศูนย์บริการฯ ยอมรับว่า ในช่วงแรกมีปัญหาความล่าช้าจึงทำให้ต้องขยายเวลาการขึ้นทะเบียนจาก 1 เดือนออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากนายจ้างไม่พร้อมเรื่องเอกสาร เช่น บางรายไม่มีทะเบียนบ้านอยู่ในพื้นที่แต่มารับทำงานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา หรือเอกสารของแรงงานไม่พร้อม จึงไม่มาตามที่นัดหมาย ประกอบกับการมีแรงงานเกินกว่าที่ยื่นความจำนงไว้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขณะนี้การดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ และมีแรงงานต่างด้าวน้อยลงแล้ว ทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา จึงเสนอทางจังหวัดนครราชสีมา ขอย้ายศูนย์บริการฯ ดังกล่าวจากสนามกีฬากลางค่ายสุรนารี ไปที่โรงพยาบาลนพรัตน์ ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมาแทน เพื่อลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐ เนื่องจากศูนย์บริการฯ ดังกล่าวต้องใช้เจ้าหน้าที่มากถึง 200 คน
แต่สำหรับศูนย์บริการที่ย้ายไปที่ใหม่จะเปิดให้บริการสัปดาห์ละ 2 วัน โดยจะให้นายจ้างมายื่นความจำนงไว้ต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมาก่อน จากนั้นจะรวบรวมจำนวนแรงงานต่างด้าว และนัดหมายให้มารับบริการพร้อมกันทีเดียว ซึ่งมีกำหนดจะย้ายศูนย์บริการฯ ในวันที่ 30 ก.ย. นี้เป็นต้นไป คาดว่าอีก 1 เดือนน่าจะดำเนินการขึ้นทะเบียนแล้วเสร็จสมบูรณ์
“จากนั้นจะส่งเรื่องทั้งหมดไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อดำเนินการต่อไป และจะจัดระเบียบที่อยู่ให้แรงงานเหล่านี้ได้อยู่เป็นหลักแหล่ง หากเป็นไปได้อาจต้องทำเป็นหมู่บ้านแรงงานต่างด้าว เพื่อง่ายต่อการดูแล ทั้งเรื่องปัญหาอาชญากรรม และโรคระบาดต่างๆ ซึ่งจะหารือกันต่อไป” นายอิทธิ กล่าวในตอนท้าย
