กสม.จัดเวทีสิทธิชุมชนในการใช้ประโยชน์พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนภาคเหนือ

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดเวทีสัมมนา “สิทธิชุมชนในการใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียนในภาคไฟฟ้า” ดึงตัวแทนชุมชนในพื้นที่ที่มีการร้องเรียนถูกละเมิดสิทธิจากโครงการนโยบายพลังงานของรัฐทั่วภาคเหนือเข้าร่วม หวังส่งเสริมให้เข้าใจสิทธิ สร้างเครือข่ายชุมชนเข้มแข็ง

วันนี้ (6 ก.ย.) คณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชน ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จัดการสัมมาเรื่อง “สิทธิชุมชนในการใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียนในภาคไฟฟ้า” โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ประสาท มีแต้ม อนุกรรมการสิทธิชุมชน คณะกรรมการ สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดการสัมมนา พร้อมด้วย นายชาญวิทย์ อร่ามฤทธิ์ และ ดร.อาภา หวังเกียรติ อนุกรรมการสิทธิชุมชน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมเป็นวิทยากรบรรยาย โดยมีตัวแทนชุมชนและองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากโครงการที่เกี่ยวกับนโยบาของรัฐ เข้าร่วมกว่า 50 คน ระหว่างวันที่ 6-7 ก.ย.57 ที่โรงแรมเมอร์เคียว จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้ การจัดสัมมนาในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมสิทธิชุมชนในการใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียนในภาคไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนเข้าใจทั้งสิทธิชุมชน และสิทธิที่จะใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียนอย่างอิสระ และเท่าเทียม พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายชุมชนผู้ตื่นรู้เพื่อเสริมพลังซึ่งกันและกัน ตลอดจนร่วมกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายพลังงานของรัฐที่เน้นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนที่ชุมชนสามารถจัดการ และพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งการสัมมนาจะมีการจัดขึ้นทั้ง 4 ภาคของประเทศ มีการแลกเปลี่ยนความรู้ และรับฟังข้อมูลความคิดเห็นจากตัวแทนชุมชน แล้วจะมีการสรุปรวบรวมเป็นเอกสารวิชาการเผยแพร่ต่อไป

นางนิตยาพร สุวรรณชิน ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้เดือดร้อนจากก๊าซและน้ำมันแพงเชียงใหม่ ซึ่งนำสมาชิกเครือข่ายเข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ด้วย กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้ที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนจัดขึ้น ถือเป็นโอกาสดีที่ภาคประชาชนจะได้เรียนรู้ และเข้าใจมากขึ้นถึงสิทธิของตัวเองมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างให้เกิดเครือข่าย และร่วมกันขับเคลื่อนผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายด้านพลังงานที่ชุมชน และภาคประชาชนเป็นผู้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ตลอดจนยังเป็นเวทีที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้สภาพปัญหา และสถานการณ์ปัญหาระหว่างชุมชนและภาคประชาชนต่างๆ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันด้วย