อุบลราชธานี - เกิดเหตุชายหัวล้านพยายามดักฉุดเด็กนักเรียนชั้น ป.2 ที่จ.อุบลราชธานี โชคดีเด็กหนีทันให้พลเมืองช่วยพาเข้าไปส่งในโรงเรียน ผู้ปกครองโร่แจ้งความตรวจกล้องวงจรปิด ควานหาตัวคนร้าย
วันนี้ (5 ก.ย.) ร.ต.อ.(หญิง) สุขรดา กองแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งจาก นายธนู ตะวันเสรี อายุ 33 ปี ชาวอำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ให้ตรวจสอบภาพชายหัวล้านในภาพวงจรปิด ซึ่งสงสัยพยายามจะฉุดตัวบุตรสาวขณะกำลังเดินเข้าโรงเรียน แต่เด็กวิ่งหนีมาหาพลเมืองดีให้นำตัวมาส่งยามรักษาความปลอดภัยของโรงเรียน โดยเหตุเกิดเมื่อเช้าวันนี้
นายธนู ตะวันเสรี ผู้ปกครองเด็กนักเรียน กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 08.40 น.วันนี้ ได้ขับรถยนต์พา ด.ญ.ต่อ บุตรสาวอายุ 8 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี โดยจอดรถส่งบุตรสาวด้านฝั่งถนนศรีณรงค์ ซึ่งเป็นประตูวัดศรีอุบลรัตนารา
เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปจะเป็นเหมือนซอยกว้างประมาณ 8-10 เมตร โดยเด็กต้องเดินเลียบกำแพงโรงเรียนไปเข้าประตูด้านหน้าอีกประมาณ 100 เมตร
ระหว่างทางนั้น ด.ญ.ต่อ พบชายอายุระหว่าง 30-40 ปี ลักษณะหัวล้าน สวมเสื้อลายพรางแบบทหาร ใส่กางเกงขาสั้นสีดำเดินสวนทางมา และกระโดดมาขวางหน้าพยายามจะมาจับแขน ด.ญ.ต่อ จึงหันหลังรีบวิ่งกลับออกไปทางถนนที่เดินเข้ามา และขอให้หญิงวัยกลางคนที่ยืนรอรถโดยสารอยู่หน้าประตูวัด ช่วยนำ ด.ญ.ต่อ มาส่งที่หน้าประตูโรงเรียน ซึ่งมีพนักงานรักษาความปลอดภัยดูแล ส่วนชายคนดังกล่าวได้เดินเลี่ยงหลบหนีไป
หลังเกิดเหตุโรงเรียนได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจมาร่วมตรวจสอบ ก็ไม่พบชายคนดังกล่าว เพราะตรงจุดที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ มีเพียงบริเวณหน้าโรงเรียน และเมื่อตรวจสอบภาพย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา พบชายมีลักษณะตรงตามที่ ด.ญ.ต่อ ระบุ เข้ามาเดินวนเวียนอยู่ในโรงเรียนตั้งแต่เวลา 06.00 น. จึงได้มอบภาพดังกล่าวให้นายธนู ใช้เป็นหลักฐานแจ้งความ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ลงประจำวันรับแจ้งความเป็นหลักฐาน และจะให้เจ้าหน้าที่สายตรวจจักรยานยนต์เวียนตรวจสอบรอบโรงเรียน ในช่วงที่ระหว่างนักเรียนเข้าเรียน และตอนเลิกเรียน ไม่เปิดโอกาสให้ชายต้องสงสัยมาก่อเหตุกับเด็กนักเรียนได้อีก
ด้านนายประศาสน์ สายลุน ผู้อำนวยการโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย ว่า โรงเรียนติดตั้งกล้องวงจรปิดดูความเคลื่อนไหวภายในโรงเรียนถึง 16 จุด แต่ด้านนอกมีกล้องตรงประตูทางเข้า-ออกหน้าโรงเรียนเพียงจุดเดียว จึงไม่สามารถจับภาพในซอยที่เกิดเหตุได้ ปกติโรงเรียนมีมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงก่อนเข้าเรียน และหลังเลิกเรียน จัดครูเวรร่วมกับพนักงานรักษาความปอลดภัยทั้งที่ประตูโขงด้านข้างที่เกิดเหตุ ด้านหลังและหน้าโรงเรียน แต่หลังเข้าเรียนจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หน้าโรงเรียนเพียงแห่งเดียว
สำหรับตรงจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่ตรงข้ามกลับศาลากลางหลังเก่า เมื่อมีการจัดแสดงงานสินค้าราคาถูกหรืองานประจำปี จะมีคนต่างถิ่นมาเข้าห้องน้ำ หรืออาบน้ำภายในวัดเป็นประจำ ต่อไปจะต้องเพิ่มกล้องวงจรปิดจับความเคลื่อนไหวของบุคคลต้องสงสัย และจะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองที่มาส่งบุตรหลานหลังเวลาเข้าเรียน ให้ขับรถมาส่งที่หน้าประตูโรงเรียน แทนการปล่อยให้เด็กเดินผ่านเข้ามาในซอยดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย เพราะเป็นโรงเรียนเด็กเล็กชั้นอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้น