ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สสว.จับมือศูนย์เตือนภัยธุรกิจภาคเหนือ ม.เชียงใหม่ จัดสัมมนา “จีนเที่ยวเชียงใหม่ ใครได้ใครเสีย” เผยผลนักท่องเที่ยวจีนทำรายได้เพิ่มขึ้น 10% แต่ก่อปัญหาตามมาหลายด้าน โดยเฉพาะความไร้ระเบียบ ไม่เข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีไทย คาดเปิดเออีซีมีทะลักเพิ่มอีกกว่าเท่าตัว ย้ำต้องเร่งเตรียมพร้อมวางมาตรการรับมือแต่เนิ่นๆ
วันนี้ (5 ก.ย.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับศูนย์เตือนภัยธุรกิจภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดสัมมนา เรื่อง “จีนเที่ยวเชียงใหม่ ใครได้ใครเสีย” โดยมีผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดชียงใหม่เข้าร่วมสัมมนาจำนวนมาก ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวว่า สสว.มีบทบาทในการเป็นหน่วยงานกำหนดนโยบายและเป็นศูนย์กลางประสานงานระบบทำงานเพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริม SMEs ของประเทศให้ยั่งยืน และจากความสำคัญของ SMEs ในการก้าวสู่ AEC ในปี 2558 นั้น ทาง สสว.จึงได้มีการเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ
ล่าสุดได้ทำโครงการศึกษาวิจัยสถานการณ์ SMEs เฉพาะเรื่องในพื้นที่ 4 ภูมิภาค โดยในภาคเหนือ สสว.ได้ให้ศูนย์เตือนภัยธุรกิจภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ดำเนินการศึกษาเรื่องผลกระทบต่อธุรกิจ SMEs จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากคาดการณ์ว่าถ้ามีการก้าวสู่ AEC แล้วตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่จะก้าวกระโดดจากปีละ 20,000 คน เป็น 50,000 คน
โดยปัจจุบันนี้การเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนขณะนี้ถือว่าดีมากกว่าเสีย แต่ในอนาคตข้างหน้าเมื่อก้าวสู่ AEC แล้วอาจจะเกิดผลด้านเสียมากกว่าได้เนื่องจากสินค้าที่มาจากจีนนั้นจะมีราคาที่ต่ำกว่า และจำนวนนักท่องเที่ยวจะมีมากขึ้นทำให้เกิดอำนาจในการต่อรองเพิ่มมากขึ้นอาจจะส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยนั้นแข่งขันในด้านการลดราคาซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวได้ นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือจีนนั้นเป็นประเทศที่สามารถลอกเลียนแบบสินค้าได้ดีมาก ดังนั้นสินค้าบางชนิดอาจจะถูกลอกเลียนแบบและเกิดความเสียหายได้ ซึ่งปัญหาต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดปัญหาเหล่านี้ก็จะมีการศึกษาข้อมูลและเตรียมการในการรับมือ โดยจะมีการรวบรวมนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง
ด้าน ดร.ชัยวุฒิ ตั้งสมชัย ประธานโครงการศูนย์เตือนภัยธุรกิจภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงผลกระทบของนักท่องเที่ยวจีนต่อการท่องเที่ยวเชียงใหม่ว่า จากการวิจัยพบว่ามีธุรกิจที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวกว่า 10% โดยเฉพาะธุรกิจทางด้านที่พักและธุรกิจอาหาร แต่อย่างไรก็ตามก็มีปัญหาที่เป็นผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนมาก เช่น การส่งเสียงดัง การสูบบุหรี่ การต่อรองราคาสินค้าที่คนจีนชอบต่อราคาต่ำมาก นอกจากนี้ เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่ไม่มีระบบขนส่งมวลชน ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนจะนิยมเช่ารถจักรยานยนต์มาขี่เองและไม่ได้ปฏิบัติตามกฎจราจรทำให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้น ปัญหาด้านอื่นๆ เช่น พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนที่เข้าพักห้องพักแล้วต้องใช้เวลาทำความสะอาดห้องเพิ่มมากขึ้น หรือการรับประทานอาหารในที่พักที่นักท่องเที่ยวจีนมักจะแอบนำอาหารออกไปรับประทานข้างนอก ฯลฯ ซึ่งข้อปัญหาต่างๆ ที่ได้มีการศึกษาไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเพื่อรับนักท่องเที่ยวจีนได้
ส่วนผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปิยะวรรณ กลั่นกลิ่น กรรมการศูนย์เตือนภัยธุรกิจภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เบื้องต้นในการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวจีนนั้นก็คือการให้ความรู้ด้านระเบียบปฏิบัติในการเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ด้วยการแจกเอกสารให้ความรู้ การติดป้ายภาษาจีนในบางจุดสำคัญของสถานที่ท่องเที่ยว การทำแผนที่ภาษาจีน เป็นต้น
ขณะที่นายบุญทา ชัยเลิศ นายกสมาพันธ์ท่องเที่ยวแม่แตง กล่าวว่า การปรับตัวรับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามานั้น บริษัททัวร์ที่รับนักท่องเที่ยวจีนนั้นจะต้องทำการบ้านให้มากกว่านี้ในการชี้แจงเรื่องกฎระเบียบ ขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยให้นักท่องเที่ยวจีนได้ทราบ นักท่องเที่ยวจีนที่คิดว่ามีปัญหาก็เนื่องจากไม่เข้าใจในกฎระเบียบและขนบธรรมเนียมของไทยนั่นเอง นอกจากนี้ ส่วนราชการหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวจีนนั้นจะต้องดำเนินการจัดระบบระเบียบเพื่อรับมือกับนักท่องเที่ยวจีนอย่างเต็มที่และใส่ใจ โดยเฉพาะการจัดการให้ความรู้ด้านกฎระเบียบและขนบธรรมเนียมประเพณีให้นักท่องเที่ยวจีนทราบก่อนเข้าประเทศ เป็นต้น
