xs
xsm
sm
md
lg

ตรวจสอบบ้านตากอากาศหรูนายทุนใหญ่ ริมหน้าผาติดกับอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า นำคณะ และเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ้านพักตากอากาศหรูริมหน้าผา ติดกับอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ของนายทุนใหญ่ที่ถูกยึด หลังพบรุกที่อุทยานฯ แนะเจ้าของหากมีเอกสารยืนยันว่าได้มาถูกต้องสามารถฟ้องร้องได้ตามสิทธิ



เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (2 ก.ย.) นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วย นายธรรมรัฐ วงศ์โสภา ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ นายวัฒนา มาปุก ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์พื้นที่ 3 (บ้านโป่ง) นายปรยุษณ์ ไวว่อง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ นายฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ นายวิโรจน์ โรจนจินดา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนเขาแหลม นายพงศ์สรรค์ ดิษฐานุพงศ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู นายนายกฤติน หลิมตระกูล นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ช่วยปฏิบัติราชการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติฯ ทั้ง 4 แห่ง

ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้ากรณีอุทยานแห่งชาติเอราวัณ นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดบ้านพักตากอากาศทรงสเปน สูง 3 ชั้น สร้างบริเวณริมหน้าผา ติดกับอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ เลขที่ 59/1 หมู่ 3 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 3 งาน 58 ตารางวา ของอดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่ง

ส่วนสาเหตุที่ตรวจยึดเนื่องจากการตรวจสอบพื้นที่แปลงดังกล่าว พบว่า อยู่นอกแปลงสำรวจถือครองตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 มิ.ย.2541 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายสีเหลืองไปติดเอาไว้เพื่อประกาศว่า บ้านพักตากอากาศหลังดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ และระบุว่า พื้นที่บริเวณนี้ได้ตรวจยึดดำเนินคดีแล้ว ห้ามบุคคลใดเข้าทำประโยชน์โดยเด็ดขาด โดยคณะทั้งหมดใช้เวลาตรวจประมาณ 30 นาที

จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบบ้านพักตากอากาศที่สร้างเรียงกัน จำนวน 3 หลัง โดยมี นางปทุมทิพย์ บุญรัตน์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 หมู่ 3 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ที่มีบ้านอยู่บริเวณเดียวกัน นำพาคณะตรวจสอบ

นางปทุมทิพย์ กล่าวว่า บ้านทั้ง 3 หลัง ไม่ใช่บ้านพักตากอากาศ แต่เป็นบ้านพักอาศัยของนายยุทธนา และ น.ส.จุฑามาศ ลูกชายแ ละลูกสาว และของนายธนพล กันภัย ลูกบุญธรรม ส่วนที่ดินที่ใช้ปลูกบ้านทั้ง 3 หลัง ครอบครองมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 และบ้านทั้ง 3 หลัง ครอบครัวช่วยกันสร้างขึ้นมาโดยไม่ได้จ้างช่างรับเหมา เพราะสามีก็เป็นช่างอยู่แล้ว โดยบ้านทั้ง 3 หลังเพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน ใช้เงินสร้างหลังละประมาณ 5 แสนบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารเพื่อขอบ้านเลขที่

ด้านนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ผู้อำนวยสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า สำหรับบ้านพักตากอากาศทรงสเปนสูง 3 ชั้น เลขที่ 59/1 หมู่ 3 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จากสภาพที่ใหม่อยู่ คาดว่าคงสร้างแล้วเสร็จมาประมาณ 2 ปี มูลค่าก่อสร้างเบื้องต้นประเมินที่ประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายกรมอุทยานแห่งชาติมาติดแสดงการตรวจยึดเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดพิกัดเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกแปลงสำรวจถือครองตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 มิ.ย.2541 อย่างชัดเจน

นายศักดิ์ดา เปิดเผยต่อว่า สำหรับบ้านพักตากอากาศอีก 3 หลัง ที่เข้าตรวจสอบพร้อมกันเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่าอยู่ในแปลงสำรวจถือครองตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 มิ.ย.2541 ขณะนี้ยังไม่มีการตรวจยึดแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่เพียงแค่สงสัยว่า เจ้าของบ้านพักทั้ง 3 หลัง ที่เป็นลูกชาย และลูกสาว รวมทั้งลูกเขยของนางปทุมทิพย์ ต่างก็ยังไม่มีงานทำ มีเพียงลูกสาวที่มีงานทำเป็นผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนในเชิงลึกอีกครั้งหนึ่งว่า พื้นที่สำหรับปลูกบ้านพักทั้ง 3 หลัง มีการเปลี่ยนมือไปเป็นของนายทุนหรือไม่

หากตรวจสอบแล้วพบว่า มีการเปลี่ยนมือไปเป็นของนายทุน ก็จะต้องถูกยึดคืนเป็นสมบัติของชาติ แต่ถ้าหากตรวจสอบแล้วพบว่า บ้านพักทั้ง 3 หลัง ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่ก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด

ในส่วนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าตรวจยึดบ้านพักตากอากาศ รวมทั้งรีสอร์ต ทั้งหมด 7 แห่ง มูลค่ารวมกันกว่า 100 ล้านบาท ประกอบด้วย ตรวจยึด 1.ARK รีสอร์ต 2.สวนพิศตะวัน รีสอร์ต 3.วิคตอรี่ วอเตอร์ฮิล รีสอร์ต 4.เคพีเอส รีสอร์ต 5.ปรางค์มาลี รีสอร์ต 6.ไร่ ป๋าเทพ และแห่งที่ 7 เป็นรีสอร์ตไม่มีชื่อ อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของบ้านพักตากอากาศที่ถูกตรวจยึดมีเอกสารการได้มาของที่ดิน ก็สามารถนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ หรือจะฟ้องร้องต่อเจ้าหน้าที่ก็เป็นสิทธิที่จะทำได้





กำลังโหลดความคิดเห็น