เฝ้าระวังน้ำเขื่อนลำปาว สัปดาห์เดียวพุ่งแตะพันล้าน ลบ.ม.

กาฬสินธุ์ - ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เผยปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนลำปาว สัปดาห์เดียวแตะ 1,028 ล้าน ลบ.ม.หรือ 52% ชี้สาเหตุจากปริมาณน้ำฝน ขณะที่ผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 6 เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมการช่วยเหลือหากเกิดปัญหาน้ำท่วม

จากการติดตามสถานการณ์น้ำในแหล่งเก็บน้ำต่างๆ ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะเขื่อนลำปาว ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ พบว่า ปัจจุบันปริมาณน้ำจากฝนที่ตกลงมาในช่วง 1 สัปดาห์ยังคงไหลเข้าเขื่อนอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 1,028 ล้าน ลบ.ม. หรือ 52% จากความจุทั้งหมด 1,980 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอย่างใกล้ชิด

เนื่องจากช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ จะมีพายุฝนตกลงมาอีก ประกอบกับอยู่ในช่วงน้ำหลาก ซึ่งทุกๆปีในช่วงนี้จะมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนอีกจำนวนมาก

ล่าสุด วันนี้ (1 ก.ย.) พ.อ.จุมพล จุมพลภักดี ผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 6 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมคณะเข้าติดตามแนวทางการบริหารจัดการ และสถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว หลังปัจจุบันพบมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

โดยมี นายปิยปัญญา ภู่ขวัญเมือง ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ชี้แจงสถานการณ์โดยตลอดทั้งสัปดาห์พบว่า มีปริมาณน้ำในเขื่อนถึง 1,028 ล้าน ลบ.ม.

นายปิยปัญญา ภู่ขวัญเมือง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปริมาณน้ำที่ไหลเข้ามาเกิดจากปริมาณน้ำฝน และน้ำไหลบ่าจากเทือกเขาภูพาน และเขตรอยต่อด้านอำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์ ปริมาณน้ำมีเพียง 800 ล้าน ลบ.ม.

แต่หลังจากมีฝนตกลงมามีน้ำเพิ่มขึ้นถึง 200 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ปัจจุบันเขื่อนลำปาว มีปริมาณน้ำที่ 1,028 ล้าน ลบ.ม. หรือ 52% และได้ส่งผลดีต่อเขื่อนลำปาว เกษตรกรมีน้ำเพียงพอในการทำเกษตร

ขณะที่ พ.อ.จุมพล จุมพลภักดี ผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 6 ระบุว่า การเข้าตรวจสอบเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำเพื่อป้องกันภัยพิบัติ โดยเฉพาะการเฝ้าระวังพื้นที่ลุ่มน้ำ และพื้นที่ติดแม่น้ำ เพราะอยู่ช่วงน้ำหลาก ซึ่งในขณะนี้กรมทหารม้าที่ 6 ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่

สำหรับปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ ได้ส่งผลดีต่อพืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการทำบ่อกุ้งก้ามกราม และบ่อปลา ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตชลประทานเขื่อนลำปาว และพื้นที่ชลประทานส่วนใหญ่

อีกทั้งยังได้สร้างความชุ่มชื่นให้แก่ประชาชนในพื้นที่นอกเขตชลประทานได้เก็บน้ำไว้ใช้ที่ยังผ่อนคลายปัญหาภาวะความแห้งแล้งในพื้นที่เป็นอย่างมากด้วย