เลย - ชุดเฉพาะกิจกองทัพภาคที่ 2 พร้อมป่าไม้นำกำลังกว่า 100 นายตรวจสอบบ้านทรงไทย รุกป่าดงเขาแก้วและป่าดงปากชม อ.เชียงคาน ปลูกยางพาราเกือบ 700 ไร่ ให้เวลา 57 วัน ไม่มาแสดงสิทธิรื้อถอนออกทั้งหมด
วันนี้ (27 ส.ค.) ชุดเฉพาะกิจกองทัพภาคที่ 2 พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และหลายภาคส่วนประมาณ 100 นาย เข้าตรวจยึดบ้านทรงไทย มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ที่รุกล้ำพื้นที่ป่าดงเขาแก้ว และป่าดงปากชม อ.เชียงคาน จ.เลย โดยปลูกสร้างบริเวณต้นลำธาร ติดกับอ่างเก็บน้ำ ทั้งยังมีสวนยางพารา 661 ไร่ โดยปลูกมากว่า 10 ปี เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจและยึดบ้านทรงไทย 1 หลัง พร้อมบ้านพักคนงาน 2 หลัง จับกุมคนงาน 10 คน
โดยพื้นที่บุกรุกอยู่บริเวณบ้านโนนภูทอง หมู่ 10 ต.ธาตุ อ.เชียงคาน ห่างจากถนนเลย-ปากชม 6 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองเลย 41 กิโลเมตร โดย พล.ต.เทศนฤทธิ์ กสิบุตร รอง ผอ.กอ.รมน.เลยฝ่ายทหาร พร้อม พ.อ.สมหมาย บุษบา นักกฎหมายจากกองทัพภาคที่ 2 และ พ.ท.ประเสริฐ สิงห์ขรเขียว รองเสนาธิการ จทบ.เลย นำกำลังทหารและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ตัดต้นยางพาราที่ปลูกไว้ด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ติดประกาศรอบบริเวณบ้าน โดยมีผู้ลงนามคือ นายวิสา ยัญญลักษณ์ นายอำเภอเชียงคาน ประกาศไว้ลงวันที่ 4 ส.ค. ยึดบริเวณที่บุกรุกป่าดงเขาแก้วและป่าดงปากชม พร้อมมีคำสั่งให้ดำเนินคดีนายสมพร วรรคจันทร์ นายวัฒนา ศรีแสง พร้อมพวก หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานพบว่าเป็นผู้กระทำความผิด และให้ลูกจ้าง คนงานออกจากป่าดงเขาแก้วและป่าดงปากชม พร้อมกับมีคำสั่งไม่ให้ดำเนินการใดๆ อีก ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและต้นยางพาราที่ปลูกไว้ออกจากพื้นที่บุกรุกทั้งหมด
พล.ต.เทศศนฤทธิ์กล่าวว่า การนำกำลังมาวันนี้เพื่อตัดต้นยางพาราทิ้งเนื่องจากเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ ส่วนบ้านหลังนี้ได้ติดประกาศไว้แล้ว โดยให้เวลา 57 วันหลังจากการยึดเมื่อวันที่ 7 ส.ค. หากไม่มีผู้ใดมาอ้างสิทธิตามกฎหมายและรื้อถอน ทางราชการจะรื้อถอนเอง โดยพื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร เป็นป่าลุ่มน้ำป่าโซน C ต้องฟื้นฟูและปลูกป่าขึ้นใหม่ ทั้งประดู่ และมะค่า เพื่อคืนสภาพป่ากลับมาโดยเร็ว