ชาวอุบลฯ เลี้ยงปลาในกระชังสุดช้ำ ปลาขาดออกซิเจนลอยน้ำตายเกลื่อน

อุบลราชธานี - ผู้เลี้ยงปลาในกระชังลำน้ำมูล อุบลฯ ช้ำ เหตุกระชังเลี้ยงปลากรดดำ และปลาคัง ในฐานะปลาเศรษฐกิจของจังหวัด เกิดลอยน้ำตายจำนวนมาก เชื่อสาเหตุมาจากระดับน้ำที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และสภาพอากาศที่แปรปรวน ต้องจำยอมขายในราคาถูก

วันนี้ (23 ส.ค.) ที่บ้านคำกลาง ต.บุ่งไหม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงปลากรดดำ และปลาคัง ในกระชังริมแม่น้ำมูล เกิดลอยขึ้นมาตายบนผิวน้ำจำนวนมาก คาดว่าปลาที่เลี้ยงไว้อาจขาดออกซิเจน เกษตรกรต้องรีบเก็บปลากรดดำ และปลาคัง ขึ้นมาเก็บไว้ในถังแช่น้ำแข็งเพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้น

นายนุกูล คุณทา เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังริมแม่น้ำมูล เปิดเผยว่า ปลากรดดำ และปลาคัง ซึ่งเป็นปลาเศรษฐกิจมีถิ่นกำเนิดในแม่น้ำโขง และมีราคาซื้อขายในตลาดสูงกิโลกรัมละ 180-220 บาท ที่เกษตรกรในพื้นที่ อ.วารินชำราบ นำมาเลี้ยงไว้ในกระชัง จำนวน 8 หลุมๆ ละประมาณ 500 ตัว ได้ทยอยตายลงจำนวนมาก ส่วนหนึ่งมาจากระดับแม่น้ำที่เคยท่วมพื้นที่ลุ่มได้ลดลงอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยวันละ 10-20 เซนติเมตร แต่เมื่อวันก่อนระดับน้ำลดลงวันเดียว 70-90 เซนติเมตร

ทำให้ชาวบ้านที่เลี้ยงปลาในกระชัง ลากกระชังออกไปกลางน้ำไม่ทัน ทำให้ปลาในกระชังตายลงจำนวนมาก โดยสภาพการเลี้ยงปลากรด และปลาคังในกระชัง ในระยะนี้ปลามีขนาดตามความต้องการของตลาด มีน้ำหนักเฉลี่ยตัวละ 1 กิโลกรัมเศษ โดยต้องอาศัยในน้ำลึก 3-4 เมตร อยู่อย่างแออัดในก้นกระชัง จึงมีออกซิเจนหายใจไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ ยังมีปลาที่เลี้ยงไว้บางส่วนยังทยอยตายลงเรื่อยๆ เพราะปลาปรับตัวไม่ทัน สาเหตุมาจาก สภาพอากาศแปรปรวน ทั้งแดดร้อน และมีฝนตกสลับกันไปมา ทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำไม่แน่นอน ทำให้ปลาปรับตัวไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เฉพาะความเสียหายของตน และเพื่อนบ้านรวม 3 ราย มีปลาตายไปคิดเป็นน้ำหนักประมาณ 1,800 กิโลกรัม หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนบาท

สำหรับการแก้ปัญหาได้นำปลาที่ตายมาใส่ถังแช่น้ำแข็ง และทยอยส่งขายเข้าตลาดที่รับซื้อ แต่จะสามารถขายได้ในราคาที่ถูกลง เพราะเป็นปลาที่ตายแล้ว ขณะเดียวกัน ชาวบ้านได้แจ้งให้สำนักงานประมงจังหวัดอุบลราชธานี เข้ามาตรวจสอบถึงสาเหตุที่แท้จริง และให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรแล้ว