ประจวบคีรีขันธ์ - เรือดำหอยกาบที่ปากน้ำปราณบุรี สายอากาศที่ต่อกับถังอัดลมเกิดแตก ส่งผลทำให้แรงงานชาวพม่า ซึ่งรับจ้างดำหาหอยกาบใต้ทะเลลึก 14 เมตร ขาดอากาศ 3 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 1 อาการสาหัส 1 รอดชีวิตแล้ว 1 ราย
เมื่อเวลา 17.30 น. วันนี้ (18 ส.ค.) ตำรวจน้ำปราณบุรี ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากเจ้าของเรือโชควันเฉลิม 5 เป็นเรือปั่นหมึกดัดแปลงมาเป็นเรือดำหอยกาบ ทำการประมงห่างจากฝั่งประมาณ 3 ไมล์ทะเล หน้าอ่าวปากคลองปราณ ว่า เกิดสายอากาศที่ปั๊มลมแตก ทำให้มีคนที่ดำหอยอยู่ใต้ทะเลลึกกว่า 14 เมตร ขาดอากาศหายใจ 3 คน อาการสาหัส จึงนำเรือตรวจการณ์ 625 ของตำรวจน้ำออกไปให้การช่วยเหลือ พร้อมแจ้งหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลปราณบุรี และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี มาคอยให้การช่วยเหลืออยู่บริเวณฝั่งหน้าสถานีตำรวจน้ำปากน้ำปราณ
เมื่อเรือตำรวจน้ำไปถึง พบบนเรือประมงดำหอยกาบมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน นอนอยู่กับพื้นเรือไม่มีสติ 2 ราย ส่วนอีก 1 รายพอมีสติอยู่ เจ้าหน้าที่ต้องช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่เนื่องจากชาวประมงผู้ได้รับบาดเจ็บได้ขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือไว้ได้ 1 รายและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนอีกรายอาการสาหัส และน่าเป็นห่วง เจ้าหน้าที่จึงรีบนำกลับเข้าฝั่งเพื่อให้การช่วยเหลือ โดยทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลปราณบุรี เพื่อให้แพทย์ทำการรักษา ทราบชื่อคือ นายอวย ไม่มีนามสกุล อายุ 37 ปี เสียชีวิต และนายอ่าว ไม่มีนามสกุล อายุ 37 ปี อาการสาหัส ส่วนอีกคนชื่อนายวาย บาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งหมดเป็นแรงงานชาวพม่า
จากการสอบถาม นายวาย ชาวพม่าผู้ได้รับบาดเจ็บที่รอดชีวิต กล่าวว่า ได้ออกเรือไปดำหอยตั้งแต่เช้าเมื่อถึงจุดที่ดำหอยกาบ ทั้ง 3 คน ได้สวมหน้ากากติดสายอากาศลงไปดำหอยใต้ทะเลน้ำลึกประมาณ 14 เมตร จู่ๆ สายยางที่ใช้เป็นสายอากาศเกิดแตกทำให้อากาศไม่สามารถส่งไปให้พวกตนที่กำลังลงไปดำหอยกาบอยู่ได้ ตนและเพื่อนจึงช่วยกันดึงเพื่อนที่ดำหอยอยู่ใต้น้ำขึ้นมา กว่าจะครบทุกคนต้องใช้เวลานาน ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนตนรอดขึ้นมาได้เพราะเพื่อนช่วยมาคนแรกจึงไม่เป็นอะไร