ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - อดีตสายลับเปิดหน้าโวยขอความเป็นธรรม ถูก ปปง.เบี้ยวเงินรางวัลนำจับ 3 ล้าน หลังช่วยทำงานแจ้งเบาะแสจนดำเนินคดีและยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้กว่า 20 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2549 ยืนยันจะสู้ให้ถึงที่สุด พร้อมเตรียมขอ คสช.ช่วย
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ นายเหนือสุดสยาม ปัญญามีรักษ์ อดีตสายลับของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รหัส ศ. 0000882 นำดอกไม้ธูปเทียนกราบไหว้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ พร้อมทั้งนำแผ่นป้ายเขียนข้อความติดกับรถยนต์ เพื่อประท้วง ปปง. และร้องขอความเป็นธรรม จากกรณีที่นายเหนือสุดสยามได้สมัครเป็นสายลับ ปปง. เมื่อปี 2547 เพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องยาเสพติด และการยึดทรัพย์ของเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งได้ทำงานให้ ปปง.โดยตลอด
กระทั่งเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2549 ทาง ปปง.สามารถยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดของ น.ส.ปราณี มาชัยยะ และนางสมหมาย สุวรรณ ใน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท แต่ไม่ได้รับรางวัลนำจับ
ทั้งนี้ นายเหนือสุดสยามอ้างว่าเป็นผู้แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การยึดทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งตามเงื่อนไขแล้ว ปปง.จะต้องจ่ายรางวัลนำจับร้อยละ 15 ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด คิดเป็นเงินประมาณ 3 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว ทั้งที่ได้ทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาตลอด แต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงต้องออกมาแสดงตัว พร้อมลาออกจากการเป็นสายลับเพื่อมาเรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งนอกจากตัวเองแล้วยังมีสายลับคนอื่นอีกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมลักษณะเดียวกันนี้ เพียงแต่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะออกมาร้องเรียน
สำหรับการเรียกร้องขอความเป็นธรรมของนายเหนือสุดสยามนั้น เมื่อ 2 ปีที่แล้วได้เคยเดินทางเข้ายื่นฟ้องขอความเป็นธรรมจากศาลปกครองเชียงใหม่ แต่ศาลไม่รับฟ้อง เนื่องจากยังขาดหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการร้องขอเงินค่าสินบน กระทั่งได้มีการออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องขอความเป็นธรรมอีกครั้งในวันนี้ ซึ่งนายเหนือสุดสยามบอกด้วยว่าเตรียมที่จะเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมทั้งยืนยันว่าจะต่อสู้จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม