เชียงใหม่ - คณะแพทย์เผย “สาวอ้วนเชียงใหม่” เกิดจากพฤติกรรม หลังพบกินมากกว่าคนปกติ 2 เท่า ร่างกายไม่มีโรคแทรกซ้อน แต่เสี่ยงหยุดหายใจตอนหลับ ระบุ 2 ปีก่อนเคยเข้า รพ.ลดได้ 30 กก. เชื่อผ่าตัดกระเพาะ-ตัดลำไส้ช่วยไม่ได้หากไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
วันนี้ (6 ส.ค.) รศ.นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ผศ.พญ.ศุภวรรณ บูรณพิส อาจารย์ประจำหน่วยต่อมไร้ท่อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวที่ห้องประชุมอาคารบุญสมมาร์ติน โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ถึงความคืบหน้าในการรักษานางสาวนกแก้ว แสนสมปาน อายุ 31 ปี สาวโรคอ้วนน้ำหนักเกือบ 300 กิโลกรัม
ผศ.พญ.ศุภวรรณเปิดเผยว่า มีทีมแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด และได้เจาะเลือดตรวจสอบว่ามีโรคอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ พบว่าผู้ป่วยไม่มีโรคใดที่เป็นสาเหตุให้เกิดความอ้วน เมื่อประเมินเรื่องอาหารการกิน พบว่าคนไข้กินมากกว่าที่คิดไว้ โดยประเมินแล้วกินเกิน 3,000 กิโลแคลอรีต่อวัน ขณะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะกินประมาณ 1,500 กิโลแคลอรีต่อวัน หมายถึงผู้ป่วยรายนี้กินเกินกว่าสองเท่าที่ควรจะกิน
โดยเมื่อ 2 ปีก่อนผู้ป่วยรายนี้เคยมารักษากับทางโรงพยาบาล ตอนนั้นน้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม เมื่ออยู่ในความดูแลของแพทย์สามารถลดน้ำหนักไปได้ 30 กิโลกรัม แล้วก็หายไปไม่มาติดตาม ส่วนครั้งนี้เมื่อนำผู้ป่วยมาชั่งเครื่องชั่งของทางโรงพยาบาลที่จำกัดไว้เพียง 230 กิโลกรัมพบว่าคนไข้มีน้ำหนักเกินกว่านั้น
ผศ.พญ.ศุภวรรณกล่าวว่า ตรวจสอบคนไข้แล้วไม่มีโรคเบาหวาน ไขมันดี ต่อมไทรรอยด์ปกติ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าคนอ้วนขนาดนี้จะไม่มีโรค แต่ที่มีแน่คือ เราเชื่อว่ามีโรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ เพราะตอนนอนหลับออกซิเจนตกไปกว่าปกติ
สำหรับโรคนี้คิดว่าการผ่าตัดเย็บกระเพาะและลำไส้โดยเย็บให้เล็กลง ให้กินนิดเดียวก็อิ่ม น้ำหนักจะลดได้เร็ว แต่ต้องติดตามตลอดชีวิตว่าร่างกายขาดสารอาหารอะไรหรือไม่ จะได้กินเสริม คือต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเฉพาะการกิน
