พระนครศรีอยุธยา - ตำรวจพระนครศรีอยุธยา ตามจับกุมเด็กแว้นได้แล้ว 3 ราย ร่วมกันฉกปืนของ “ด.ต.ชาตรี นุ่มสารพัดนึก” ไปขายซื้อยาบ้ามาเสพ หลัง ด.ต.ชาตรี ถูกรถยนต์กระพุ่งชนเสียชีวิตขณะออกปฏิบัติหน้าที่เมื่อคืนวันที่ 28 ก.ค.
จากกรณี ด.ต.ชาตรี นุ่มสารพัดนึก อายุ 46 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกรถยนต์กระบะชนเสียชีวิต ขณะขับขี่รถ จยย.สายตรวจออกตรวจ และเตรียมไปตั้งจุดตรวจ เหตุเกิดบนถนนโรจนะ ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อกลางดึกวันที่ 28 ก.ค.ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุอาวุธปืนพกสั้นขนาด .357 ของ ด.ต.ชาตรี ได้หายไป และจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า มีประชาชนเห็นกลุ่มเด็กแว้นเข้ามาดูในที่เกิดเหตุแล้วออกไปจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
ต่อมา วันนี้ (29 ก.ค.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย สามารถติดตามจับกุมเด็กแว้นดังกล่าวได้แล้ว 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายสิทธิพงษ์ ศิลสุทธิ์ อายุ 20 ปี 2.นายศราวุธ ฉัตรแก้ว อายุ 20 ปี และ 3.นายสมชาย ภู่นาค อายุ 22 ปี พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืนขนาด.357 สีเงิน ด้ามจับไม้ จากการตรวจสอบพบว่า เป็นของ ด.ต.ชาตรี นุ่มสารพัดนึก
หลังจากนั้น พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ทักษ์พงษ์ รื่นกลิ่น ผกก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ต.มานพ ชาวไร่ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน คือนายสิทธิพงษ์ ศิลสุทธิ์ นายศราวุธ ฉัตรแก้ว และนายสมชาย ภู่นาค พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืนขนาด.357 สีเงินด้ามจับไม้ มาแถลงข่าวที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดย พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา แถลงว่า จากการสอบสวนนายสิทธิพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุได้ขับขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อยู่บริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ และเห็น ด.ต.ชาตรี ถูกรถยนต์กระบะสีดำพุ่งเข้าชนอย่างแรงจนร่างกระเด็น จึงรีบวิ่งเข้าไปดูพบว่า ด.ต.ชาตรี เสียชีวิต และพบเห็นอาวุธปืนตกอยู่จึงได้เข้าไปเก็บแล้วรีบหลบหนีออกไปหา นายศราวุฒิ เพื่อนำอาวุธปืนไปทดลองยิง
จากนั้นได้นำอาวุธปืนไปขายให้แก่ นายสมชาย ซึ่งเป็นเอเยนต์ยาบ้าในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยแลกกับยาบ้า จำนวน 96 เม็ด จากนั้นได้นำยาบ้ามาแบ่งกันเสพ และนำไปแจกและจำหน่ายให้แก่กลุ่มวัยรุ่น
การจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำพยานรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า เห็นกลุ่มเด้กแว้นจำนวนมากเข้าดูหลังเกิดอุบัติเหตุ จากนั้นได้ขับขี่รถ จยย.ยกล้อออกไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจจะมาถึง จึงได้ตั้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในที่เกิดอุบัติเหตุ โดยใช้ยานพาหนะในเวลากลางคืนและรับของโจร คดีนี้นับเป็นคดีตัวอย่างเตือนประชาชนที่คิดจะหยิบสิ่งของ หรือทรัพย์สินผู้ประสบอุบัติเหตุไป ถือเป็นความผิดอัตราโทษ 7 ปี
ภายหลังการแถลงข่าว ตัวแทนของหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจได้เข้ามามอบช่อดอกไม้ขอบคุณ และชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว เพราะสังคมและประชาชนต่างเชื่อกันว่า หน่วยกู้ภัยอยุธยา เป็นผู้ขโมยอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไป