สุรินทร์- จัดหางานเมืองช้าง รุดเยี่ยมปลอบขวัญพร้อมชี้แจงสร้างความเข้าใจญาติเเรงงานไทยชาวสุรินทร์ เผชิญเหตุการณ์สู้รบในลิเบียประเทศ จำนวน 29 ราย เผยพ่อแม่ลูกเมียญาติพี่น้องยังสามารถโทรศัพท์ติดต่อแรงงานไทยได้ตามปกติและทุกคนอยู่ในสถานที่ปลอดภัย
วันนี้ (29 ก.ค.) นายเทพบัญชา เกตุวิเศษกุล จัดหางานจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยถึงกรณี กระทรวงต่างประเทศสั่งอพยพแรงงานไทยในประเทศลิเบีย ประมาณ 1,500 คน ออกจากพื้นที่ภายใน 48 ชั่วโมง เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบและมีการสู้รบอย่างต่อเนื่อง มายังศูนย์ช่วยเหลือคนไทยชั่วคราวที่ประเทศตูนีเซีย ก่อนอพยพกลับประเทศไทยทั้งหมดว่า ขณะนี้มีแรงงานไทยชาวจังหวัดสุรินทร์อยู่ในประเทศลิเบีย จำนวน 29 ราย ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ และโทรศัพท์ติดต่อญาติพี่น้องและครอบครัวได้ตลอดเวลา
โดยในวันนี้ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดสุรินทร์ ได้ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจญาติพี่น้องแรงงานไทยในลิเบีย พร้อมชี้แจงสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศลิเบีย รวมทั้งการเตรียมความพร้อม และกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ให้ครอบครัวและญาติแรงงานไทยในลิเบียได้เข้าใจ
นายเทพบัญชา กล่าวต่อว่า จากการสอบถาม อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/1 ม.1 ต.ประทัดบุ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ซึ่งลูกชายทั้ง 3 คนไปทำงานอยู่ที่ประเทศลิเบีย ทราบว่า ลูกชายทั้ง 3 คนยังสบายดี มีการติดต่อมาทางบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อวานนี้ ( 28 ก.ค.) และ ตอนนี้ยังทำงานอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในประเทศลิเบีย เข้าไปดูแลและประสานงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่ากรณีมีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยที่ต้องอพยพ สามารถอพยพกลับประเทศไทยได้ทันที
จากการลงพื้นที่เยี่ยมญาติ และครอบครัว เเรงงานชาวจังหวัดสุรินทร์ ที่ไปทำงานในประเทศลิเบีย ในฐานะเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน รู้สึกสบายใจ และครอบครัวแรงงานก็ยังสบายใจ ที่สามารถโทรศัพท์ติดต่อกันได้และอยู่ในสถานที่ปลอดภัยสามารถทำงานได้ตามปกติ
ทั้งนี้จากตัวเลขของกรมจัดหางาน พบว่าขณะนี้มีชาวจ.สุรินทร์ เดินทางไปทำงานอยู่ที่ประเทศลิเบีย ทั้งสิ้น จำนวน 29 คน เป็นชาว อ.โนนนารายณ์ มากสุด จำนวน 15 คน อ.ปราสาท จำนวน 7 คน และอำเภออื่นๆ แห่งละ 1-2 คน รวม 29 คน
“ ขอฝากถึงญาติแรงงานชาวไทยในประเทศลิเบียให้ติดตามข่าวสาร จากส่วนราชการ และสื่อสารมวลชน วิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งขณะนี้ทางการได้มีความห่วงใย และมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ ขอให้ทางญาติพี่น้องไม่ต้องวิตกกังวล และหากญาติสามารถติดต่อแรงงานที่ลิเบียได้ก็จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ได้เป็นอย่างดี” นายเทพบัญชา กล่าว
ด้าน นายสมศรี ทองประดับ อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/1 ม.1 ต.ประทัดบุ อ.ปราสาท บิดาของนายวันชาติ นายประวงศ์ นายประวัติ ทองประดับ 3 แรงงานไทยในลิเบีย กล่าวว่า ลูกชายโทรศัพท์มาคุยกับลูกสาวเมื่อวานนี้ บอกว่าทางสถานทูตไทยในประเทศลิเบีย มีการเตรียมความพร้อมอพยพไว้หมดแล้ว และจากรับข่าวผ่านสื่อทุกแขนงก่อนหน้านี้ ตนรู้สึกเป็นห่วงลูกชายทั้ง 3 คน แต่พอทราบข่าวจากกรมการจัดหางานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถโทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกันได้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
“ ลูกชายทั้ง 3 คนส่งข่าวมาว่าหากเหตุการณ์ไม่รุนแรง ก็อยากอยู่ทำงานต่อไปเรื่อยๆ เพราะอีก 8 เดือนจะหมดสัญญา หลังจากทำงานอยู่ที่ลิเบียมาได้ประมาณ 1 ปี 3 เดือนแล้ว และ ลูกชายทั้ง 3 คน ทำงานขับรถจักรกลหนักอยู่ด้วยกันทั้งหมด ซึ่งในอดีตตนเองเองเคยไปทำงานที่ประเทศลิเบียนาน 3 ปี” นายสมศรี กล่าว
ทางด้าน นางเยี่ยม ทองประดับ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 ม.1 ต.ประทัดบุ อ.ปราสาท ภรรยานายประวงศ์ ทองประดับ แรงงานไทยในลิเบีย กล่าวว่า สามีโทรศัพท์ทางไกลจากประเทศลิเบีย มาหาตนเมื่อประมาณเวลา 20.00 น. เมื่อวานนี้ ( 28 ก.ค.) บอกว่าสถานทูตไทย ในประเทศลิเบียเตรียมความพร้อมอพยพไว้หมดแล้ว โดยได้เตรียมเรือไว้หากเกิดเหตุฉุกเฉินพร้อมอพยพทางเรือเพื่อเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ประเทศกรีซ ซึ่งตนสามารถโทรศัพท์คุยกับสามีได้ตลอดเวลาทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น สามีบอกว่าที่แคลป์มีแรงงานชาวไทยอยู่ด้วยกันจำนวน 43 คน ทุกคนปลอดภัยดี ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
“ ฝากถึงครอบครัวและญาติแรงงานไทยในประเทศลิเบียด้วยว่าแรงงานไทยทุกคนปลอดภัยดี ญาติและครอบครัวไม่ต้องตกใจมาก หากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงเจ้าหน้าที่สถานทูตจะโทรศัพท์มาแจ้งเตือนก่อน” นางเยี่ยม กล่าว