เลย - ฝนถล่มเมืองเลยหนักติดต่อกัน 2 วัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากหอบเอาดินโคลนไหลทะลักเข้าทับถมนาข้าวของชาวนาในเขตพื้นที่เมืองเลยเสียหายเป็นบริเวณกว้างกว่า 500 ไร่ ชี้ผลมาจากป่าถูกบุกรุกทำลายเพื่อทำสวนยางพารา
จากกรณีฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันระหว่างวันที่ 27-28 ก.ค.ที่ผ่านมา จนเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนประชาชนหลายหมู่บ้านในพื้นที่ อ.ท่าลี่ และ อ.เมือง จ.เลย จนประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันอย่างหนัก นอกจากนี้ น้ำป่าที่ไหลหลากลงมายังนำเอาดินโคลนจำนวนมากไหลเข้าทับถมนาข้าวของชาวนาที่เพิ่งปักดำจนได้รับความเสียหายอีกเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่บ้านกำพี้ บ้านลาดค้อ และบ้านกกดู่ ต.กกดู่ อ.เมืองเลย พื้นที่นาข้าวได้รับความเสียหายกว่า 500 ไร่
นายทองจันทร์ สุโขยะชัย ผู้ใหญ่บ้านลาดค้อ ต.กกดู่ อ.เมืองเลย กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเริ่มทำนาโดยรับช่วงต่อจากพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย มากว่า 40 ปีเพิ่งจะประสบเหตุการณ์เช่นนี้ครั้งแรก หลังจากที่ช่วงวันที่ 27-28 ก.ค.ที่ผ่านมาฝนได้ตกลงมาอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน ทำให้น้ำป่าจากลำห้วยหลายสายไหลล้นทะลักพัดคันดินกั้นนาข้าวและดินที่มาจากภูเขาลงมาทับถมนาข้าวจนได้รับความเสียหายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ปีนี้ผมลงทุนทำนาไปแล้วกว่า 10,000 บาท แต่ตอนนี้ถือว่าเสียหายเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผมกำลังทำการสำรวจความเสียหายของนาข้าวที่โดนดินโคลนไหลมาทับถมทั้งหมด ทั้งที่นาข้าวของผมและที่นาข้าวของลูกบ้านเพื่อส่งข้อมูลให้กับทางนายอำเภอเมืองเลย เพื่อให้ได้ดำเนินการช่วยเหลือแล้ว” นายทองจันทร์กล่าว
นายทองจันทร์กล่าวต่ออีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่น่าสังเกตว่าบริเวณใกล้กับจุดดินโคลนที่ไหลลงมาถล่มที่นาข้าวของตนและนาข้าวของลูกบ้านจนได้รับความเสียหายจำนวนมากนั้น พบว่าป่าไม้ส่วนใหญ่ถูกบุกรุกทำลายเพื่อปลูกยางพาราเป็นบริเวณกว้าง ต้นไม้ใบหญ้าที่เคยปกคลุมหน้าดินถูกทำลายไปด้วย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ดินโคลนไหลถล่มลงมาทับถมนาข้าวจนได้รับความเสียหายดังกล่าว
