นครพนม - ฤทธิ์พายุไต้ฝุ่นรามสูรเกิดฝนตกหนักทั้งคืน เมืองนครพนมจมบาดาล บ้านเรือนริมถนนสายหลักจมน้ำลึกกว่าครึ่งเมตร ขณะที่อปพร.เร่งสตาร์ทเครื่องสูบน้ำลงน้ำโขง ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาเตือน อีสานตอนบนจะมีฝนตกหนัก 18-19 ก.ค.
วันนี้ (18 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครพนมว่า อิทธิพลพายุไต้ฝุ่นรามสูรส่งผลให้ฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา จนถึงกลางดึก ทำให้ถนนหลักหลายสายในตัวเมืองนครพนมถูกน้ำท่วมฉับพลัน เช่น ถนนอภิบาลบัญชา จากแยกปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถึงหน้าโรงพยาบาลนครพนม ระดับน้ำท่วมสูง 30-40 เซนติเมตร ถนนราชทัณฑ์ 30 เซนติเมตร พระสงฆ์และสามเณรต้องเดินลุยน้ำบิณฑบาตกันอย่างทุลักทุเล ถนนข้างตลาดสดสูง 50-60 เซนติเมตร พ่อค้าแม่ค้าและผู้มาจับจ่ายตลาดต้องเดินลุยน้ำซื้อสินค้า
ขณะที่ด้านหน้าโรงพยาบาลนครพนม รถฉุกเฉิน 1669 ที่รับผู้ป่วยจากต่างอำเภอ ต้องขับฝ่ากระแสน้ำที่ท่วมสูง ขณะที่ร้านจำหน่ายสินค้าข้างทาง เช่น ร้านขายของชำ อาหารตามสั่ง ร้านบะหมี่ น้ำทะลักเข้าท่วมภายในร้านและบ้านเรือน ระดับน้ำสูง 40-50 เซนติเมตร โดยเจ้าของร้านบอกว่าน้ำทะลักล้นขอบถนนตั้งแต่ช่วงเวลา 04.00 น. ต้องขนข้าวของหนีน้ำกันจ้าละหวั่นแต่ก็ไม่ทันเพราะน้ำมาเร็วมาก ทำให้ข้าวของบางส่วนได้รับความเสียหาย
ส่วนที่ถนนสมุทรบรรหาร จากสามแยกหน้าอุตุนิยมวิทยา น้ำได้ล้นลำคลองทะลักเข้าบ้านเรือนกว่า 20 หลัง ระดับน้ำสูง 50-60 เซนติเมตร โดยชาวบ้านระบุว่าบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงจุดนี้มีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาติดตั้งนานกว่า 2 สัปดาห์ แต่ไม่ทราบว่ายังทำงานหรือไม่ จึงเกิดน้ำท่วมขึ้นฉับพลัน
นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม กล่าวว่า ได้นำเจ้าหน้าที่ อปพร.และชุดเคลื่อนที่เร็วกว่า 20 นาย เร่งเปิดเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ด้วยมือ และเครื่องสูบน้ำขนาดกลาง 2 เครื่อง ดึงน้ำให้ไหลไปตามท่อบริเวณปากซอยกุหลาบทิพย์ลงสู่แม่น้ำโขง หากไม่มีฝนตกหนักลงมาซ้ำอีกคาดว่าจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะที่นายดุรงค์กร กำสมุทร เจ้าพนักงานอุตุนิยมวิทยานครพนม รายงานว่า พายุไต้ฝุ่นรามสูร บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวไปทางเกาะไหหลำของประเทศจีน ทำให้ภาคตะวันเฉียงเหนือตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้นและมีลมแรงในบางพื้นที่ และมีฝนตกหนักช่วงวันที่ 18-19 ก.ค.นี้ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณ จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร และนครพนม เตรียมตัวรับมือและติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
