xs
xsm
sm
md
lg

ทหารร้อยเอ็ดปูพรมตรวจยึดไม้ผิด กม.หลายแห่ง ทั้งอดีต ผญบ.-คนสนิทบิ๊ก ตร.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ร้อยเอ็ด - ทหารปูพรมเข้าค้นไม้ผิดกฎหมายหลายแห่ง ทั้งอดีต ผญบ. และบ้านคนสนิทตำรวจอดีต ผบก.ร้อยเอ็ด ในเขต อ.หนองพอก พบไม้จำนวนมาก สั่งให้ป่าไม้ทำการตรวจปริมาตรตรวจยึดไม้และรถตู้ที่ขนไม้เต็มรถส่งตำรวจดำเนินคดี

ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. วันนี้ (17 ก.ค.) พ.อ.สรชัช สุทธิสนธ์ รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและสารวัตรทหารกว่า 10 นาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด นำโดยนางสาวสุวิน สิทธิบุตระ ผอ.สนง.ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม จ.ร้อยเอ็ด นายคณพศ นิธิธนาพล ปลัดปกครอง และ อส.ของ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบตัดไม้หวงห้ามและการครอบครองไม้ผิดกฎหมาย หลังจากได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนในเขต อ.หนองพอก

จากการตรวจค้นจุดแรกในบริเวณบ้านของนายวิจิตร พลเยี่ยม อายุ 51 ปี ที่หมู่ที่ 1 บ้านกกแดง ต.รอบเมือง อ.หนองพอก ซึ่งทหารมีเบาะแสว่า นายวิจิตร พลเยี่ยม ร่วมกับบุตรชาย คือ นายสิทธิ์โชค พลเยี่ยม อายุ 25 ปี มีพฤตติกรรมการลักลอบตัดไม้หวงห้ามเพื่อแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต นำไม้แปรรูปขนส่งไปจำหน่ายและลักลอบใช้รถยนต์กระบะอีซูซุ หมายเลขทะเบียน บบ 8410 ร้อยเอ็ด ในการขนไม้มาแปรรูป

จากการตรวจค้นในพื้นที่พบไม้พะยูงนับ 100 ท่อน ทั้งที่แปรรูปเป็นเหลี่ยมและยังเป็นท่อนกลม ซุกซ่อนฝังดินไว้ในบริเวณบ้านและซุกซ่อนในทุ่งนา จึงทำการตรวจยึดและแจ้งให้ป่าไม้ทำการวัดปริมาตรไม้แล้วยึดไม้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อนายวิจิตร พลเยี่ยม ในขณะที่ลูกชายคือนายสิทธิ์โชค พลเยี่ยม ที่ไหวตัวขับรถหลบหนีไปก่อนหน้านั้น จะให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมาพบพร้อมกับนำรถยนต์มาประกอบการสอบสวนเอาผิดต่อไป

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้เข้าตรวจค้นที่ร้านทำเฟอร์นิเจอร์ ไพรินทร์เฟอร์นิเจอร์ ของนายไพรรินทร์ สว่างวงษ์ อายุ 45 ปี ที่บ้านเลขที่ 23 ม.2 บ้านหนองพอก ต.รอบเมือง อ.หนองพอก ซึ่งได้รับการร้องเรียนว่ามีการนำไม้ผิดกฎหมายมาทำการแปรรูปเพื่อส่งขาย ขัดต่อการขออนุญาต ซึ่งยื่นขออนุญาตทำเฟอร์นิเจอร์ โดยไม่อนุญาตให้ทำไม้แปรรูปขาย

ปรากฏว่าเมื่อไปถึงโรงงานพบว่าทางโรงงานแจ้งว่าได้พักกิจการชั่วคราวมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว และจากการตรวจสอบพบว่านอกจากจะอ้างว่าหยุดงานชั่วคราวแล้ว ยังมีการขนย้ายเอาอุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องเลื่อยออกไปจากโรงงานจนไม่มีเหลือ โดยอ้างว่าเครื่องมือ อุปกรณ์ทั้งหมดไม่ใช่เป็นของตนเอง แต่เป็นของลูกจ้างที่มารับจ้างงาน ที่เมื่อหยุดพักงานก็ขนกลับไปด้วย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แต่ขอตรวจสอบใบอนุญาต ซึ่งพบว่ามีการขออนุญาตทำเฟอร์นิเจอร์ และใบเบิกทางนำไม้ที่มีการอนุญาตได้โดยถูกต้องเข้ามาทำเฟอร์นิเจอร์มาให้ตรวจสอบซึ่งก็ไม่พบความผิดปกติ

จากนั้นชุดเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้เข้าตรวจค้นที่บ้านหลังหนึ่ง ที่หมู่ 2 ต.รอบเมือง ซึ่งชาวบ้านร้องเรียนว่าเป็นของผู้มีอิทธิพล ที่ชาวบ้านแจ้งว่าชื่อเสี่ยช้าง และเสี่ยดำ มีการลักลอบทำไม้พะยูงขายนอกพื้นที่ จึงเข้าทำการตรวจค้นปรากฏว่าทั้งคู่ไหวตัว ปิดประตูบ้านหลบหนีไป ทหารจึงปีนเข้าไปในบริเวณบ้านและปีนเข้าไปเปิดประตูบ้านจากด้านในของอาคารห้องแถวทั้ง 3 ห้อง เพื่อเข้าตรวจสอบภายในบ้าน ปรากฏว่าพบไม้พะยูง 3 ท่อนเหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ในห้องกลาง พบรถตู้โตโยต้าหมายเลขทะเบียน ฮต.3679 กทม. ติดฟิล์มทึบสีดำ ตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวไม่มีเบาะนั่งด้านหลังทั้งคันและมีการดัดแปลงสำหรับการขนไม้พะยูง และในรถมีไม้พะยูงที่แปรรูปเป็นท่อนเหลี่ยมแล้วใส่ไว้ในรถจนเต็มคันรถ จำนวน 60 ท่อน ที่เตรียมขนออกไปขาย เป็นมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท แต่ไม่พบเจ้าของบ้าน

จากนั้นคณะสนธิกำลังกันเข้าทำการตรวจค้นจุดสุดท้ายที่รับการแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีว่าเป็นแหล่งเก็บไม้พะยูงผิดกฎหมายที่บ้านของคนใกล้ชิดของนายทหารยศ พล.ต.ต.นายหนึ่ง ที่ ม.2 ต.รอบเมือง อ.หนองพอก ซึ่งปรากฏว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ และได้ให้คนเฝ้าบ้านเปิดประตูเข้าไปตรวจสอบ แต่ไม่ปรากฏว่าพบไม้ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

สำหรับไม้ที่ยึดได้จากบ้านอดีตผู้ใหญ่บ้านได้มอบหมายให้ทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าบันทึกปริมาตรไม้ทั้งหมด จากนั้นให้ยึดไม้ทั้งหมดจากบ้านอดีตผู้ใหญ่บ้านและที่พบในบ้านและในรถตู้ทั้งหมดทำบันทึกตรวจยึดแล้วส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ดำเนินคดี ซึ่งนอกจากยึดไม้แล้วให้ยึดรถตู้คันที่บรรทุกไม้ไว้ดำเนินคดีด้วย และในส่วนของเสี่ย 2 คนนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกมาสอบสวนเพื่อตั้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น