ผู้เชี่ยวชาญเตือนพบ “แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล” ทำลายทันที ยันมีพิษร้ายแรงจริง

ลำปาง - ผู้เชี่ยวชาญด้านแมลงออกโรงเตือน ผู้พบเห็นแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลให้ฆ่าหรือทำลายทิ้งทันที เหตุมีพิษร้ายแรง สามารถแพร่กระจายรวดเร็ว มีลูกครั้งหนึ่ง 200-400 ตัว

นายสันติ กิตติบรรพชา หัวหน้าศูนย์กีฏวิทยาป่าไม้ 1 หรือบ้านแมลงลำปาง เปิดเผยถึงกรณีที่มีประชาชนใน จ.แพร่ถูกแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลกัดจนอาการสาหัสว่า แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลไม่ใช่สัตว์ในประเทศไทย แต่เป็นสัตว์ที่มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ มาจากสองทาง คือ มีผู้ที่นิยมสัตว์แปลกประหลาดนำเข้ามา และติดมากับลังสินค้าที่ไม่ได้มีการตรวจสอบ

โดยเมื่อสองปีที่ผ่านมาทางศูนย์ฯ เคยมีการศึกษาสัตว์ประเภทนี้เช่นกัน เนื่องจากมีการพบและระบาดในภาคใต้ของไทย แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไป ประกอบกับแมงมุมที่นำมาศึกษาวิจัยเมื่อครบรอบวงจรได้ตายไปทั้งหมด ขณะนี้ทางศูนย์ฯ จึงไม่มีแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลหลงเหลืออยู่ แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าสัตว์ประเภทนี้มีพิษร้ายแรงจริง แต่ไม่ได้มีการระบาดอย่างหนักแต่อย่างใด

ดังนั้นประชาชนจึงไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจ แต่ขอให้ระวังและคอยสังเกตลักษณะพิเศษของแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล เนื่องจากมีขนาดเล็ก โดยขนาดใหญ่สุดจะไม่เกิน 1 เซนติเมตร บริเวณหลังจะเป็นรูปนาฬิกาทราย ท้องจะมีลักษณะเป็นริ้วสีน้ำตาลสลับสีขาวอ่อน ตรงริ้วมีจุดสีดำสลับขาวตรงท้องข้างละ 3 จุด รวม 6 จุด ลักษณะการทำรังหรือการชักใยจะอยู่ที่ต่ำ สูงไม่เกิน 1 เมตร ลักษณะรังหรือใยจะยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ ซึ่งต่างจากแมงมุมทั่วไปที่การชักใยจะทำรังเป็นระเบียบ แต่แมงมุมชนิดนี้จะชักใยทำรังในที่รก เช่น ใต้โต๊ะ ห้องน้ำเก่า โรงไม้เก่า ลังไม้ หรือแม้กระทั่งเก้าอี้ที่วางไว้นานๆ หมวกเก่า รองเท้าเก่า หรือลังผลไม้ที่ทิ้งไว้นานๆ เมื่อพบเห็นขอให้ฆ่าทันที เนื่องจากไม่ใช่สัตว์ที่จะต้องอนุรักษ์ หากปล่อยให้มีการขยายพันธุ์จะทำให้เกิดการระบาดได้ เพราะ 1 ตัวสามารถออกลูกได้ 200-400 ตัวเลยทีเดียว