นครพนม - ทหารพรานร่วมศุลกากรสกัดทัน ยึดรถยนต์วีโก้ แก๊งโจรกรรมรถยนต์ข้ามชาติขนเย้ยทหารพรานฉวยโอกาสช่วงปรับตลิ่งสร้างเขื่อนเป็นเส้นทางลำเลียงรถลงเรือส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน จนท.ระบุช่วงน้ำโขงเพิ่มมีออเดอร์ส่งออก เดือนเดียวยึดได้ถึง 4 คัน
เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (16 ก.ค.) ร.อ.ธีระ เส็งตากแดด ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 2108 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ร่วมกับนายพงศ์ชัย ปภิรัชนาท นายด่านศุลกากรนครพนม นายสุจินต์ ศรีจันทร์อินทร์ เจ้าพนักงานศุลกากรชำนาญงาน และตำรวจ สภ.ท่าอุเทน ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่วางแผนเข้าสกัดตรวจยึดรถยนต์ที่คนร้ายลักลอบนำมาลงเรือหางยาวบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านน้อยลวงมอง ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เพื่อส่งขายยังประเทศเพื่อนบ้าน
จนกระทั่งสามารถตรวจยึดรถยนต์โตโยต้า วีโก้ ได้ 2 คัน มีโตโยต้า วีโก้ พรีรันเนอร์ ยกสูง 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กย 1950 ชลบุรี และโตโยต้า พรีรันเนอร์ ยกสูงแค็บ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ฒม 7464 กทม.สภาพใหม่ ขณะขบวนการโจรกรรมรถข้ามชาติช่วยกันลำเลียงรถลงเรือ โดยใช้ช่องทางริมตลิ่งที่มีการปรับเป็นทางลาดชันเพื่อก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่ง ลำเลียงลงเรือหางยาว แต่เจ้าหน้าที่สกัดยึดทัน
ส่วนผู้กระทำผิดไหวตัวหนีทัน ซึ่งการตรวจยึดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบเดือนเดียวกัน สามารถตรวจยึดได้ถึง 4 คัน และขบวนการโจรกรรมรถข้ามชาติจะใช้จุดลักลอบขนส่งใกล้เคียงกันแบบไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะได้สืบสวนขยายผลติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
ร.อ.ธีระ เส็งตากแดด ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 2108 กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ไม่พบเอกสารหลักฐานแสดงการเป็นเจ้าของในรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบตามหลักฐานทะเบียนรถ เพื่อหาที่มาว่ารถเป็นของใคร เชื่อว่าจะเป็นรถที่โจรกรรมมาเพื่อส่งไปขายประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเคยจับกุมได้บ่อยครั้ง
“ขบวนการโจรกรรมรถจะใช้วิธีโจรกรรมมาหรืออาจใช้ช่องว่างกฎหมายในการดาวน์รถราคาต่ำก่อนส่งต่อไปขายในราคาคันละประมาณ 2-3 แสนบาท ส่วนใหญ่จะเป็นรถประเภท 4 ประตูยกสูง ยี่ห้อโตโยต้าเป็นหลักที่เป็นเป้าหมาย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนน้ำโขงระดับสูงจะเป็นโอกาสดีในการลำเลียง ด้วยการใช้วิธีนำเรือหางยาวมาต่อเป็นแพ ด้วยความชำนาญ ใช้เวลาขนส่งไม่เกิน 20 นาทีถึงฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน สามารถลักลอบขนส่งลงเรือได้ตลอดแนวน้ำโขง
เช่นเดียวกับในครั้งนี้เจ้าหน้าที่สกัดยึดทัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เพิ่มการตรวจให้มากขึ้น เพื่อสกัดกั้นปราบปรามต่อไป ส่วนรถของกลางจะได้มอบหมายให้ศุลกากรนครพนม นำไปตรวจสอบดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือเจ้าของรถที่ทราบเบาะแส ก็ให้ติดต่อทางเจ้าหน้าที่เร่งด่วนเพื่อจะได้สืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี”