xs
xsm
sm
md
lg

เตือน 10 อำเภอเสี่ยงระนอง-กระบี่ รับมือน้ำท่วมหนัก-โคล่นถล่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ผู้ว่าฯ ระนอง และ ปภ.กระบี่ สั่งเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อม และเฝ้าระวังเข้ม 10 อำเภอพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมหนัก-โคลนถล่ม โดยเฉพาะ 2 อำเภอ"ละอุ่น-กะเปอร์" ขณะที่จันทบุรีโดนฝนถล่มทั้งคืนทำถนนในเขตเทศบาลเมืองจมอีกระรอก พร้อมขึ้นป้ายสั่งห้ามเล่นน้ำทะเล อุตุฯเตือนพายุโซนร้อน "รามสูร" ทำให้ไทยมีฝนเพิ่มขึ้น ด้านสำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว เผยเกิดแผ่นดินไหว 4 ครั้ง ในพื้นที่เชียงราย แต่ยังไม่พบความเสียหาย

วันนี้ (14 ก.ค.) ว่าที่ร้อยตรีเชิดศักดิ์ จำปาเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยถึงกรณีฝนตกหนักในพื้นที่ จ.ระนองจนส่งผลให้เกิดน้ำหลากเข้าท่วมหลายชุมชนในเขตเทศบาลเมืองระนองเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว แต่เนื่องจากช่วงนี้ยังอยู่ในฤดูมรสุมทำให้มีฝนตกอย่างต่อเนื่องทางจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยทหาร จึงได้นำกระสอบทรายจำนวนมากวางไว้ตามสถานที่สำคัญเพื่อเป็นการป้องกันนำท่วมที่อาจเกิดซ้ำได้อีก

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางจังหวัดเป็นห่วงในเรื่องของดินโคลนถล่ม-ดินสไลด์ เพราะสภาพภูมิศาสตร์ของจังหวัดป็นภูเขาดิน เวลาที่ฝนตกมากๆ ดินจะอุ้มน้ำ และพังทลายลงมาได้ โดยพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงคือ อ.ละอุ่น และ อ.กะเปอร์ ดังนั้น จึงได้สั่งให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่

ด้าน พ.อ.ฐิติพงษ์ อินวสา ผู้บังคับทหารกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ ได้กระจายกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ออกสำรวจ สังเกตการณ์ตามจุดต่างๆ ที่คาดว่าจะเป็นจุดเสี่ยงหรือจุดที่เคยเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาแล้ว เพื่อเป็นการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา โดยได้สั่งการให้ ร.อ.วิโรจน์ สุขด้วย ผู้บังคับกองร้อยช่วยเหลือประชาชน ทำการเตรียมกำลังพล อุปกรณ์ต่างๆ ที่ทางกองพันมีให้พร้อม หากเกิดสถานการณ์สามารถออกช่วยเหลือประชาชนได้ทั่วทั้งจังหวัดทันที นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานหน่วยงานท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ในการร่วมมือช่วยเหลือประชาชนด้วย

**กระบี่เตือน 8 อำเภอเสี่ยงน้ำท่วม-โคลนถล่ม

ที่ จ.กระบี่ นายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ปภ.ยังคงประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทั้ง 8 อำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่รอบๆ เขาพนมเบญจา ซึ่งอาจมีฝนตกหนักในช่วงระยะนี้ให้ระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่ม ส่วนคลื่นลมในทะเลยังมีกำลังแรง และวันนี้น้ำทะเลจะขึ้นสูงสุด ทำให้มีความเป็นห่วงว่าคลื่นที่มีกำลังแรงจะซัดแนวกันคลื่นและตลิ่งให้เสียหายเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวนายวิเชษฐ์ ขวัญข้าว ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อ่าวนาง แจ้งว่า หลังจากได้สำรวจความเสียหายของแนวกันคลื่น และขณะนี้กำลังเร่งของบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ดำเนินการสร้างแนวกันคลื่นที่หาดคลองแห้ง ระยะทาง 2 กม. เพราะหากปล่อยไว้ จะทำให้เกิดความเสียหายหนัก

ด้านนายบุญเชาว์ ตั้งศิริไพศาล ผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขากระบี่ กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้ทะเลยังมีคลื่นลมแรง ได้แจ้งเตือนชาวเรือ ทั้งเรือประมง และเรือโดยสารที่มีขนาดเล็ก ควรงดออกจากฝั่ง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยกรณีเรือขนส่งสินค้าล่ม

**ฝนถล่มจันท์น้ำท่วม 40 ซม.เร่งระบาย

ส่วนที่ จ.จันทบุรี ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 13 ก.ค.จนถึงเช้าวานนนี้ (14 ก.ค.) ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมผิวจราจรบนถนนสายหลักในตัวเมืองจันทบุรี ประกอบด้วยถนนสายมหาราช ถนนรักษ์ศักดิ์ชมูล ถนนสายพระยาตรัง และถนนสายสุขุมวิท อีกเป็นครั้งที่ 2 ทำให้ถนนเข้าหมู่บ้านในพื้นที่หมู่ 1 ต.พลับพลา อ.เมืองจันทบุรี ระดับน้ำสูงอยู่ที่ 30-40 ซม. ทางเทศบาลตำบลพลับพลา เทศบาลเมืองจันทบุรี และเทศบาลเมืองท่าช้าง ต้องส่งเจ้าหน้าที่นำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งเพื่อเร่งสูบน้ำลงคลองสาขา และแม่น้ำจันทบุรี เพื่อให้ไหลลงสู่ทะเลโดยเร็ว

ทั้งนี้ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหนัก ทำให้จุดวัดน้ำ 4 จุดหลักที่ประกอบด้วยแม่น้ำจันทบุรี ฝายยาง ฝายท่าระม้า และสะพานกระทิง ที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ปริมาณฝนในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายหาด 3 อำเภอ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของ จ.จันทบุรี ประกอบด้วย หาดแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ หาดเจ้าหลาว หาดแหลมเสด็จ หาดคุ้งกระเบน อ.ท่าใหม่ และหาดคุ้งวิมาน อ.นายายอาม พบว่าในแต่ละแห่งมีคลื่นสูงลมแรง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งห้ามให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำทะเลในช่วงนี้อย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งนำป้ายและธงแดงมาติดเตือนตลอดแนวชายหาด เพื่อป้องกันประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับอันตราย ซึ่งทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเป็นไปอย่างบางตา โดยมีเรือประมงมาจอดเทียบท่าหลบคลื่นลมอย่างต่อเนื่อง

**ฝนตกหนักที่บ่อไร่พัดสะพานคลองมะละกอเสียหาย

ส่วนที่ จ.ตราด น.ส.จิราพร เสนะสุทธิพันธ์ กำนันตำบลหนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด เดินทางไปตรวจสอบความเสียหายของสะพานข้ามคลองมะละกอ หมู่ 1 บ้านหนองบอน หลังได้รับความเสียหายจากน้ำหลากจากเขาปีกกา และไหลลงมาคลองมะละกอพัดสะพานข้ามหมู่บ้านจนได้รับความเสียหาย ทำให้การสัญจรไปมาเดินทางไปไม่ได้ ขณะที่ความแรงของน้ำได้พัดพาเศษไม้ดินผ่านพื้นที่ริมคลองที่มีบ้านเรือนประชาชนอาศัยอยู่ แต่ไม่ได้รับความเสียหาย มีเพียงพื้นที่การเกษตรกรรมที่น้ำพัดผ่านได้รับความเสียหายบางส่วน

น.ส.จิราพร กล่าวว่า เมื่อคืนเกิดฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำป่าหลากลงมาจากเขาปีกกาและไหลผ่านคลองมะละกอ ทำให้ คอสะพาน และสะพานได้รับความเสียหาย รถยนต์ผ่านไปมาไม่ได้ จึงได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำแผ่นไม้มาปูพื้นเพื่อให้รถยนต์ประชาชนเดินทางไปมาได้ แต่ห้ามรถบรรทุกเข้าเนื่องจากไม่สามารถรองรับได้

ขณะนี้แจ้งให้ทางสำนักงานทางหลวงชนบท จ.ตราด ทราบแล้วเพื่อเดินทางมาซ่อมแซม ส่วนความเสียหายอื่นๆ ในขณะนี้ยังไม่มีโดยเฉพาะบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรกรรม ส่วนเรื่องที่ยังเป็นห่วงก็คือ ฝนที่ยังตกหนักอยู่ในวันนี้อาจทำให้เกิดน้ำหลากเข้ามาอีกครั้งซึ่งได้แจ้งให้ประชาชนที่อยู่ริมคลองได้ระวังตัวไว้ ขณะที่โรงเรียบบ้านท่าน้ำล่าง ที่เคยถูกน้ำท่วมเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มีการป้องกันด้วยการขุดลอกคลองให้มีความลึกเพิ่มขึ้น เพื่อจะระบายน้ำได้ดี และน้ำจะไม่เข้าท่วมโรงเรียนอีก

**อุตุฯเตือน"รามสูร"ทำให้ไทยมีฝนเพิ่มขึ้น

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไปของประเทศไทยว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ สำหรับบริเวณทะเลอันดามัน ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

อนึ่ง พายุโซนร้อน "รามสูร" (RAMMASUN) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก จะเคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนและเคลื่อนเข้าบริเวณระหว่างเกาะฮ่องกงและเกาะไหหลำของประเทศจีนในช่วงวันที่ 17-20 ก.ค.2557 ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในช่วงระยะดังกล่าว สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย

**เผยแผ่นดินไหว4ครั้งไม่พบความเสียหาย

ด้านสำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหวกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 23.56 น.ของวันที่ 13 ก.ค. ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.9 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางอยู่พื้นที่ อ.พาน จ.เชียงราย จากนั้นในเวลา 04.03 น.วันที่ 14 ก.ค. ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.3 ริกเตอร์ ในพื้นที่ อ.พาน จ.เชียงราย ต่อมาเวลา 06.26 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.3 ริกเตอร์ ในพื้นที่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย และเวลา 06.28 น. ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.9 ริกเตอร์ ในพื้นที่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ซึ่งแผ่นดินไหวทั้ง 4 ครั้งที่เกิดในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น เบื้องต้นทราบว่าเป็นแผ่นดินไหวที่มีความรู้สึกได้เท่านั้น แต่ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องของความเสียหายในพื้นที่แต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น