ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชียงใหม่สั่งเฝ้าระวังพิเศษ 4 อำเภอ เสี่ยงน้ำป่าดินโคลนถล่ม หลังมีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ เบื้องต้นประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องติดตั้งอุปกรณ์วัดปริมาณน้ำฝน 400 จุดทั่วทั้งจังหวัด หากพบปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรอบ 24 ชั่วโมงเกิน 100 มิลลิลิตรให้แจ้งเตือนและเร่งอพยพประชาชนทันที
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่วันนี้ (9 ก.ค.) แจ้งว่า หลังจากที่ช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ จนส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่จังหวัดน่านและจังหวัดเชียงรายนั้น ทั้งนี้ ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีฝนตกสะสมกระจายทั่วทั้งพื้นที่ของจังหวัดเช่นกัน ทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ได้ประสานงานร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 ที่มีหน่วยงานภาคสนามกระจายอยู่ทั่วทั้งจังหวัดกว่า 400 หน่วย ติดตั้งอุปกรณ์วัดปริมาณน้ำฝนในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อติดตามสถานการณ์ฝนตกตลอด 24 ชั่วโมง หากมีรายงานพบว่าพื้นที่ใดมีฝนตกสะสมในรอบ 24 ชั่วโมงเกิน 100 มิลลิเมตร จะแจ้งเตือนไปยังผู้นำชุมชนให้เตรียมอพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยทันที
นายจงคล้าย วรพงศธร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า หน่วยงานภาคสนามที่เข้าร่วมตรวจวัดปริมาณน้ำฝนส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ทำให้มีความแม่นยำในการตรวจวัดสูง
สำหรับพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างมากในระยะนี้มี 4 อำเภอ คือ อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย อำเภอแม่แจ่ม และอำเภออมก๋อย ซึ่งเป็นพื้นที่สูงชันและมีการทำการเกษตรเชิงเดี่ยวจำนวนมาก ทำให้ไม่มีผืนป่าซับชะลอน้ำ
ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือแจ้งเตือนว่า พื้นที่ภาคเหนือจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกําลังแรง
ประกอบกับที่ในช่วงวันที่ 11-14 ก.ค.จะมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทําให้ภาคเหนือมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง พื้นที่เสี่ยงใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนทั้งเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน พะเยา ลำปาง และลำพูน ต้องเฝ้าระวังน้ำป่า ดินถล่ม น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมฉับพลันอย่างใกล้ชิด
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่วันนี้ (9 ก.ค.) แจ้งว่า หลังจากที่ช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ จนส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่จังหวัดน่านและจังหวัดเชียงรายนั้น ทั้งนี้ ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีฝนตกสะสมกระจายทั่วทั้งพื้นที่ของจังหวัดเช่นกัน ทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ได้ประสานงานร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 ที่มีหน่วยงานภาคสนามกระจายอยู่ทั่วทั้งจังหวัดกว่า 400 หน่วย ติดตั้งอุปกรณ์วัดปริมาณน้ำฝนในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อติดตามสถานการณ์ฝนตกตลอด 24 ชั่วโมง หากมีรายงานพบว่าพื้นที่ใดมีฝนตกสะสมในรอบ 24 ชั่วโมงเกิน 100 มิลลิเมตร จะแจ้งเตือนไปยังผู้นำชุมชนให้เตรียมอพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยทันที
นายจงคล้าย วรพงศธร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า หน่วยงานภาคสนามที่เข้าร่วมตรวจวัดปริมาณน้ำฝนส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ทำให้มีความแม่นยำในการตรวจวัดสูง
สำหรับพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างมากในระยะนี้มี 4 อำเภอ คือ อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย อำเภอแม่แจ่ม และอำเภออมก๋อย ซึ่งเป็นพื้นที่สูงชันและมีการทำการเกษตรเชิงเดี่ยวจำนวนมาก ทำให้ไม่มีผืนป่าซับชะลอน้ำ
ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือแจ้งเตือนว่า พื้นที่ภาคเหนือจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกําลังแรง
ประกอบกับที่ในช่วงวันที่ 11-14 ก.ค.จะมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทําให้ภาคเหนือมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง พื้นที่เสี่ยงใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนทั้งเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน พะเยา ลำปาง และลำพูน ต้องเฝ้าระวังน้ำป่า ดินถล่ม น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมฉับพลันอย่างใกล้ชิด