ตราด - อุทยานแห่งชาติเกาะช้าง เตรียมรื้อรีสอร์ตสิ่งปลูกสร้างนับ 10 แห่งที่ลักลอบปลูกโดยไม่ได้รับอนุญาต ระบุนักลงทุนใช้วิธีซื้อบ้านเก่าในน้ำแล้วต่อเติมสร้างใหม่ มีทั้งของเก่าที่จบคดีแล้ว และอยู่ระหว่างคำสั่งศาล
นายจักรกฤชณ์ สลักเพชร นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้างใต้ จ.ตราด เปิดเผยว่า หลังจากที่ นายวีระ ขุนไชนรักษ์ มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ได้ดำเนินการจับกุมโรงแรม และรีอร์ตที่ปลูกสร้างในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเกาะช้าง และถูกจับกุม และดำเนินคดีทั้งก่อนหน้าที่จะมาดำรงตำแหน่ง และดำรงตำแหน่งอยู่
เนื่องจากที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการใช้วิธีการซื้อบ้านของประชาชนที่อยู่ในน้ำทะเล แล้วทำการเปลี่ยนแปลงซ่อมแซม แต่กลับมีการปลูกสร้างใหม่ และรุกล้ำเขตอุทยานแห่งชาติเกาะช้าง บางแห่งอ้างว่าเป็นศูนย์เรียนรู้ธรรมชาติแล้วยกให้ทางราชการ และการก่อสร้างสะพานขึ้นใหม่โดยไม่ถูกต้องจึงถูกดำเนินคดีจากทางอุทยานแห่งชาติเกาะช้างอย่างเฉียบขาด และได้ดำเนินการฟ้องศาลเพื่อให้รื้อถอน และบางรายไม่แจ้งการครอบครองเนื่องจากเกรงกลัวจะถูกจับกุม ทางอุทยานฯ ได้นำประกาศมาติดที่ อบต.นับ 10 รายที่ต้องถูกดำเนินคดี และต้องถูกรื้อถอนออกไป
“ทางอุทยานได้เริ่มดำเนินการรื้อถอนแล้วตั้งแต่เมื่อวาน และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วเนื่องจากมีหลายแห่ง ซึ่งบางแห่งผู้ปลูกสร้างจะรับผิดชอบรื้อเอง รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง แต่รายใดที่ไม่รื้อเองทางอุทยานฯ เกาะช้างจะดำเนินการและเรียกค่ารื้อถอนจากผู้บุกรุกภายหลัง ที่อยู่ในพื้นที่ ต.เกาะช้าง มีหลายแห่งคือ ที่บ้านเจ๊กเบ๊ ของกลุ่มธุรกิจเครือมหาจักร ที่บ้านสลักเพชร ของนักลงทุนจากกรุงเทพฯ ที่ซื้อบ้านเก่าแล้วสร้างรีสอร์ต และสะพาน อาคารศูนย์เรียนรู้ธรรมชาติที่เกาะหวาย ที่นักธุรกิจมาก่อสร้างอาคารกลางทะเลทั้งหมดถูกดำเนินคดีแล้ว
รวมทั้งสะพานที่เกาะเหลายาด้วย ที่ผ่านมา เจ้าท่าฯ ตราดได้มาดำเนินการแล้วแต่กฎหมายของเจ้าท่าไม่แรงเหมือนกฎหมายอุทยานฯ จึงต้องใช้กฎหมายอุทยานฯ ดำเนินการโดยเฉพาะการรื้ออาคารเหล่านี้ทั้งหมดพร้อมดำเนินคดีด้วย” นายจักรกฤชณ์ กล่าว
นายจักรกฤชณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการเหล่านี้ไม่ได้เกรงกลัวกฎหมาย และมักจะหลีกเลี่ยงกฎหมายอยู่เสมอ การดำเนินการรื้อรีสอร์ต โรงแรม และสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่กระทำตามกฎหมายแล้ว จึงแจ้งผ่านไปยังผู้ประกอบการทุกแห่งอย่างได้ทำการละเมิดกฎหมายเด็ดขาด เพราะจะถูกดำเนินคดีเหมือนเช่นคดีดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายวีระ ขุนไชยรักษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จ.ตราด ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายอนุรักษ์ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง นำเอกสารไปปิดประกาศยังที่ว่าการอำเภอ เทศบาลฯ อบต.โดยระบุคำสั่งของหัวหน้าอุทยานฯ ให้ผู้มีรายชื่อทั้งหมด 10 รายด้วยกัน ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากเขตอุทยานฯ อาศัยอำนาจบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา 22 ประกอบด้วย
1.อาคารไม้ 2 ชั้นก่อสร้างด้วยไม้สัก และไม้เนื้อแข็งทั้งหลังขนาด 20X20 เมตร สูงประมาณ 12 เมตร ต้องรื้อถอนอาคารส่วนที่ยื่นไปในทะเลบางส่วน (50 เปอร์เซ็นต์) ของมหาจักรรีสอร์ท และตัวสะพานสะพานไม้กว้าง 4 เมตรยาว 30 เมตร ที่ยื่นไปในทะเล บริเวณบ้านเจ๊กแบ้ หมู่ที่ 3 ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง
2.อาคารศูนย์เรียนรู้ฯ ศาลาแปดเหลี่ยมในทะเล-สะพานไม้กว้าง 1.20 เมตร ยาว 200 เมตร เกาะหวายปะการังรีสอร์ท หมู่ 2 ต.เกาะช้างใต้ ของบริษัทเกรทแลนด์แมนเนจเมนท์ จำกัด
3.สะพานไม้หน้าโรงแรมเหลายารีสอร์ท ขนาดกว้าง 2.30 เมตร ยาว 80 เมตรโดยมี นายพิชิต เดชพรมรัมย์ พร้อมพวก 6 คนรับเป็นคนดูแล เคยถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ตรวจยึดจับกุมเมื่อเดือน ต.ค.55 ที่ผ่านมา
4.อาคารไม้ที่ปลูกสร้างเป็นร้านอาหารรูปทรงแปดเหลี่ยมในทะเล พร้อมบ้านพักอีก 2 หลัง พื้นที่ หมู่ 4 ต.เกาะช้าง มีนายสำเริง สงวนหงส์ เป็นเจ้าของ
นอกจากนี้แล้ว ก็มีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของชาวบ้านบางเบ้าหมู่ 1 ต.เกาะช้างใต้ ที่ปลูกสร้างในทะเลได้ถูกอุทยานฯ สั่งให้ทำการรื้อถอนอีก 6 รายด้วยกัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ระบุว่าผู้กระทำความผิดดังกล่าวนั้นมีทั้งนายทุน และชาวบ้านทั่วไป เป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ทางอุทยานฯ จำเป็นต้องอาศัยอำนาจตามกฎหมายมาตรา 21 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 16 ออกจากเขตอุทยานแห่งชาติฯ
โดยสิ่งปลูกสร้างที่ตรวจพบว่าบุกรุกนั้นจะให้โอกาสเจ้าของนำเอกสารหลักฐานมายืนยันแก้ข้อกล่าวหาต่อทางอุทยานฯ พบว่าหลายรายยังเพิกเฉย จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา 22 ต่อไป