หนองคาย - ตรวจคนเข้าเมืองรวบชายวัย 60 ปี ชาวหนองคาย ทำตราประทับปลอมของตรวจคนเข้าเมืองให้แก่ต่างชาติที่ต้องการเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ต้องผ่านการตรวจ ค้นบ้านยังพบเอกสารที่ใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่อีก
เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 1 ก.ค. พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ แสงเดือน รอง ผกก.ตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.ท.ปริวัฒน์ สัจจาพันธ์ สารวัตรตรวจคนเข้าเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารชุดรักษาความสงบประจำจังหวัดหนองคาย ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และสภ.เมือง ร่วมกันจับกุม นายฉัตรชัย ชัยคำทอง อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 464 หมู่ 6 ชุมชนศรีเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย ข้อหาใช้ดวงตราประทับของทางราชการปลอม พร้อมทั้งตรวจค้นบ้านพักของนายฉัตรชัยยังพบเอกสาร ตม.6 เอกสารที่ใช้กรอกข้อมูลบุคคลที่จะเดินทางออกนอกประเทศที่มีได้เฉพาะในการเบิกจ่ายของราชการเท่านั้นอีก 4 กล่อง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสืบทราบว่านายฉัตรชัยลักลอบทำตราประทับปลอม เพื่อให้คนต่างชาติเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบหรือต้องยื่นเอกสารกับตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวจึงได้ล่อซื้อ โดยให้สายลับติดต่อให้นายฉัตรชัยประทับตราตรวจคนเข้าเมืองในหนังสือเดินทางให้ 3 คน ราคาคนละ 5,000 บาท นายฉัตรชัยได้นัดพบที่ลานจอดรถในวัดศรีเมือง และได้นำตรายางที่ปลอมแปลงเลียนแบบตราประทับของเจ้าหน้าที่ ระบุรหัส B 164 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทุกคนจะมีรหัสของตัวเองสำหรับปฏิบัติหน้าที่ประทับตราหนังสือเดินทาง เมื่อนายฉัตรชัยนำตรายางปลอมมาประทับ เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุม
นายฉัตรชัยรับสารภาพว่า ได้ว่าจ้างให้ร้านทำตรายางแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองหนองคายทำตรายาง ลงปี 2012 และ 2014 รวม 4 อัน อันละ 250 บาท เพื่อรับทำเอกสารปลอมให้กับคนจีน คนเวียดนามที่ต้องการเดินทางออกนอกประเทศ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ คิดค่าทำคนละ 5,000 บาท
ส่วนเอกสาร ตม.6 ได้สั่งซื้อจากเพื่อนที่กรุงเทพฯ ครั้งละ 6-7 กล่อง กล่องละ 5,000 บาท นำมาขายให้ชาวเวียดนามกล่องละ 7,000 บาท โดยทำเช่นนี้มาได้ 2 ปีแล้ว
พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย กล่าวว่า ผุ้ที่ซื้อตราประทับปลอมกับนายฉัตรชัยน่าจะเป็นชาวต่างชาติที่อยู่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรืออาจมีคดีติดตัว กลัวว่ามายื่นเอกสารแล้วเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบได้จึงลอบซื้อแบบผิดกฎหมาย ส่วนรหัสเจ้าหน้าที่ที่นายฉัตรชัยนำไปทำตรายางนั้นจะต้องตรวจสอบว่าเป็นรหัสประจำตัวของนายใดหรือไม่ หรือเป็นรหัสที่ยกเลิกการใช้ไปก่อนหน้านี้หรือไม่ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป