กาญจนบุรี - ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองกาญจนบุรี ร่วมแถลงข่าวรวบ 2 สาววัยรุ่นริจำหน่ายยาไอซ์หาเงินเที่ยว สารภาพแฟนหนุ่มฝากขายอ้างไม่มีเงินใช้ เกิดสงสาร ก่อนโดนสืบเมืองล่อซื้อผ่านไลน์ได้กำไรแบ่งคนละ 200 และ 300 ที่เหลือเป็นของสามี
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย พล.ต.สิงห์ทอง หมีทอง ผบ.จทบ.กาญจนบุรี พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี
ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 193-195-197 ถนนแสงชูโต ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และ น.ส.กมลลักษณ์ หรือกิ๊ฟ ใคร่ครวญ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/205 หมู่ 4 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนัก 96.03 กรัม มูลค่าประมาณ 190,000 บาท เครื่องชั่งยาไอซ์ 1 เครื่อง โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อลูกค้า 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะสำหรับส่งยาไอซ์ 1 คัน
พล.ต.ต.กมลสันติ แถลงว่า ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี นำโดย พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.สุชาย เทศัชบุตร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.เจษฎา ปิ่นชูทอง สวป.สภ.พนมทวน ช่วยราชการงานสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.ยุทธชัย มีสายมงคล สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี ร.ต.ท.วรศักดิ์ ประเสริฐสุข รอง สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี ช่วยราชการงานสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี สืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนมีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติด และทราบว่ามีผู้นำยาไอซ์จำนวนดังกล่าวมาให้ทั้งสองจำหน่ายในพื้นที่ในราคากรัมละ 2,000 บาท จึงวางแผนให้สายล่อซื้อผ่านทางไลน์ และนำมาสู่การจับกุมตัวในที่สุด
พ.ต.อ.พงษกร เปิดเผยว่า เราสืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองลักลอบจำหน่ายยาไอซ์ให้แก่ลูกค้าทั่วไปผ่านทางระบบไลน์ ชื่อ small body จึงได้วางแผนให้สายลับทำการล่อซื้อยาไอซ์จากผู้ต้องหาจำนวน 2 จี/กรัม ในราคาจีละ 2,000 บาท โดยมีการนัดหมายส่งมอบกันที่บริเวณหน้าร้านค้าไม่มีเลขที่ ภายในซอยข้างโรงเรียนเทศบาล 5 ต.บ้านใต้ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
เมื่อถึงเวลานัดหมายผู้ต้องหาทั้งสองได้ขับขี่รถจักรยานยนต์นำยาไอซ์มาส่งให้แก่สายพร้อมกับรับเงินที่ใช้ล่อซื้อไป เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที จากนั้นจึงคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อขยายผล จากการสอบสวน น.ส.เอ รับว่ายังมียาไอซ์อยู่ที่บ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจค้น พบยาไอซ์แบ่งบรรจุใส่ถุงพลาสติกใสแบบรูดเปิดปิด น้ำหนักถุงละ 5 จี จำนวน 15 ถุง รวมยาไอซ์ที่ยึดได้ทั้งหมดน้ำหนัก 96.03 กรัม มูลค่าประมาณ 190,000 บาท
ส่วน น.ส.เอ ให้การยอมรับสารภาพว่า ยาไอซ์ทั้งหมดเป็นของแฟนหนุ่มที่อยู่ กทม. และได้นำมาฝากให้ตนขายในราคาจีละ 1,800 บาท ซึ่งตนจะได้ค่าตอบแทน จีละ 300 บาท ที่เหลือ 1,500 บาท แฟนหนุ่มจะได้ไป น.ส.เอ ยังสารภาพอีกว่า เพิ่งทำครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจล่อซื้อเสียก่อน
ส่วนเพื่อนคือ น.ส.กมลลักษณ์ หรือกิ๊ฟ ที่ถูกจับกุมพร้อมกันเป็นเพียงคนหาลูกค้า ให้แก่ น.ส.เอ และหากหาลูกค้าได้ก็จะนำไปจำหน่ายในราคา จีละ 2,000 บาท จะได้ส่วนต่างเป็นเงินจำนวนจีละ 200 บาท และก่อนตัดสินใจจำหน่ายยาไอซ์ครั้งนี้ เนื่องจากเกิดความสงสารแฟนหนุ่มที่ขอร้องให้ตนทำเนื่องจากอ้างว่าไม่มีเงินใช้ แฟนได้ขอร้องจนตนเกิดใจอ่อน อีกทั้งตนไม่มีเงินที่จะเลี้ยงลูกวัย 2 ปีเศษ จึงยอมทำตาม แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมจนได้
ด้าน พล.ต.สิงห์ทอง หมีทอง ผบ.จทบ.กาญจนบุรี แถลงว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีนโยบายให้เจ้าหน้าปราบปรามขบวนการจำหน่ายยาเสพติด และผู้เสพให้หมดสิ้นไป ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้ถึงแม้จำนวนของกลางจะไม่มากนัก แต่พบว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมนั้นยังเป็นเยาวชน การแก้ไขปัญหาที่สำคัญคือ จะต้องขจัดปัญหาความยากจนของประชาชนเป็นการเร่งด่วน ซึ่งคณะ คสช.กำลังหาแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้อยู่
นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี แถลงว่า คสช.ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการปราบปรามขบวนการลักลอบขนยาเสพติด และจำหน่ายยาเสพติด รวมทั้งตรวจค้นจับกุมผู้ที่ครอบครองอาวุธปืน และวัตถุระเบิดเป็นอย่างมาก สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะทั้งสองต้องมาเสียอนาคตเพราะยาเสพติด
สำหรับ น.ส.กมลลักษณ์ มีการศึกษาจบถึงระดับปริญญาตรี เอกภาษาอังกฤษ อนาคตน่าจะสดใส แต่ต้องมาหารายได้เพื่อนำเงินไปเที่ยวเตร่ด้วยการจำหน่ายยาไอซ์ ส่วน น.ส.เอ ผู้ต้องหาอีกรายอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น ถือว่ายังเป็นเยาวชนอยู่ จึงไม่สามารถนำตัวมาแถลงข่าวได้
