ฉะเชิงเทรา - ชาวนาตำบลหนามแดง พื้นที่เมืองแปดริ้ว บอก คสช.ช่วย 500 ไม่เพียงพอ ร้องอยากได้โครงการประกันรายได้มารองรับผลผลิต ระบุโกงยากกว่าโครงการรับจำนำข้าว เผยเข็ดขยาดสาปส่งรัฐบาลประชานิยมลวงโลก แต่สุดท้ายผลกรรมมาตกอยู่กับชาวนา
วันนี้ (20 มิ.ย.) นายสมบูรณ์ ศรีประวัติ อายุ 55 ปี ชาวนาในจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับโครงการที่ต้องการให้ คสช.ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเป็นนรูปธรรมว่า ต้องการให้เกิดโครงการประกันรายได้ชาวนามากกว่าการช่วยเหลือในรูปแบบอื่น พร้อมยืนยันว่า ไม่ต้องการโครงการรับจำนำข้าวอีกต่อไป เนื่องจากที่ผ่านมาได้สร้างปัญหา และเพิ่มภาระให้แก่ชาวนาเป็นอย่างมาก
จากผลพวงอันเกี่ยวเนื่องจากโครงการรับจำนำข้าว ได้ทำให้ขณะนี้ค่าเช่าที่นาเริ่มแพงขึ้น เหตุเพราะเจ้าของที่นาเห็นว่า ชาวนาจะสามารถจำนำข้าวได้ราคาตามที่รัฐบาลเดิมกำหนดคือ ตันละ 1.5 หมื่น
“หากในอนาคตมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ก็อยากให้ใช้นโยบายที่ปล่อยไปตามกลไกของตลาดดีกว่า เพราะทำนากว่า 30-40 ปี ก็ยังพอมีกำไรเหลืออยู่บ้าง แต่พอมีโครงการรับจำนำข้าวเข้ามา ช่วงแรกก็ถือว่าดีอยู่ แต่หลังจากนั้นกลับปล่อยให้ชาวนาต้องรอรับเงินค่าข้าวเป็นเวลานานหลายเดือน จนทำให้ต้องไปกู้หนี้ยืมสินจากเงินกู้นอกระบบ”
ส่วนการประกาศขึ้นค่าแรงงาน 300 บาท ได้ส่งผลให้ค่าจ้างแรงงานในการทำนาสูงขึ้นตามมา จากเดิมที่เคยว่าจ้างแรงงานคนมาช่วยทำนาในราคาวันละ 270-280 บาท ก็สูงขึ้นเป็นแบบรายชั่วโมงถึงชั่วโมงละ 60 บาท ทำให้ค่าแรงแพงพุ่งสูงขึ้นถึงวันละ 480 บาท ขณะที่ราคาปุ๋ยจากเดิมราคาตันละ 11,000 บาท ขยับขึ้นมาที่ตันละ 16,000 บาท และขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงตันละ 19,000 บาท เช่นเดียวกับยากำจัดศัตรูพืชที่ปรับตัวขึ้นจากเดิมสูงเช่นกัน