ราชบุรี - ผู้รองว่าฯ ราชบุรี พร้อมด้วยผู้บังคับการ ผกก.บ้านโป่ง และหัวหน้า RDF ตัวแทนผู้บังคับการกองพันทหารช่างที่ 52 รักษาพระองค์ ค่ายบุรฉัตร ร่วมถกหาเบาะแสคนร้ายปล้นชาวนา พร้อมกำชับ จนท.เร่งล่าคนร้าย ก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ “ผบก.เมืองโอ่ง” เชื่อคนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวก่อนลงมือปล้น
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่ห้องประชุม สภ.บ้านโป่ง นายณรงค์ ครองชนม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี นายรุจประทีป ธรรมระพีพัฒน์ นายอำเภอบ้านโป่ง พ.ต.อ.อิทธิพล ชลายนเดชะ ผกก.บ้านโป่ง และ ร.ท.พิทักษ์ ฤทธิเดช หัวหน้า RDF ตัวแทนผู้บังคับการกองพันทหารช่างที่ 52 รักษาพระองค์ ค่ายบุรฉัตร
ได้ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุ 3 คนร้ายตามประกบปล้นเงินค่าจำนำข้าว และเงินขายข้าวจากโรงสีแบบสดของ นางอรษา เนียมคล้ำ อายุ 37 ปี ชาวนา ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายได้เงินไปเกือบ 1 แสนบาท พร้อมกับได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เร่งติดตามหาเบาะแสคนร้ายกลุ่มนี้เพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร้วที่สุด
หลังจากการประชุมทั้งหมดได้เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุบนถนสายหุบกระทิง-หนองหิน ต.เบิกไพร อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อตรวจสอบเส้นทางหลบหนีของคนร้าย
พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ทางผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เร่งรัดคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกำลังตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดลักษณะยานพาหนะของคนร้าย ทิศทางการหลบหนี โดยได้มีการสอบถามผู้เสียหายเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดของโรงสีข้าวที่ชาวนาไปรับเงิน แต่ตอนนี้ยังไม่พบ เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายอาจจะไม่ได้ติดตามผู้เสียหายมาตั้งแต่ต้นทาง อาจจะมาซุ่มอยู่ใกล้ๆ บริเวณที่เกิดเหตุ โดยคนร้ายอาจะรู้ว่าผู้เสียหายจะต้องผ่านมาเส้นทางดังกล่าว
“เชื่อว่าคนร้ายต้องรู้ความเคลื่อนไหวของผู้เสียหาย เพราะไม่อย่างนั้นคนร้ายจะไม่รู้การมาเบิกเงินของผู้เสียหายอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่พบรถยนต์ของคนร้ายตามที่ผู้เสียหายแจ้งมา และจากการตรวจสอบไปยังโรงสีก็ทราบว่า ผู้เสียหายได้ไปเบิกเงินมาจริง ส่วนรายละเอียด ประวัติ หรือข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ ต้องรอการตรวจสอบก่อน” พล.ต.ต.กฤษณะ กล่าว และว่า
ส่วนการดูแลชาวนานั้นเป็นนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะทาง คสช.ได้เร่งรัดอยู่แล้วว่าต้องดูแลชาวนา โดยเฉพาะชาวนาที่ไปเบิกเงินไปจาก ธ.ก.ส.โครงการรับจำนำข้าวซึ่งตรงนี้ทางจังหวัด ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหารได้จัดเจ้าหน้าที่ไปดูแลที่ธนาคาร และปลายทางอยู่แล้ว
ส่วนกรณีนี้เป็นกรณีที่ผู้เสียหายเป็นชาวนาแต่ผู้เสียหายได้เอาข้าวไปขายให้แก่โรงสีไม่ใช่โครงการรับจำนำข้าว ช่วงจังหวะที่ผู้เสียหายไปรับเงินจากโรงสีก็จะเป็นปลีกย่อยที่เราไม่มีข้อมูลตรงนี้ ประกอบกับเส้นทางที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางเปลี่ยว บนถนนไม่ค่อยมีบ้านเรือนประชาชน และที่เกิดเหตุเป็นไร่อ้อย แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนสอบสวนต่อไปจนกว่าจะจับกุมคนร้ายได้
“ผมอยากฝากชาวนาว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย คนร้ายอาจจะใช้ช่วงนี้ออกมาก่อเหตุ ถ้าชาวนาไปเบิกเงินคิดว่าไม่มั่นใจก็ขอให้ประสานกับตำรวจ เราพร้อมที่จะมาช่วยดูแล แต่เป็นข้อมูลว่ามีการมาเบิกเงินอย่างไร อย่างผู้เสียหายรายนี้ที่มาเบิกเงินอาจไม่ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาดูแลความปลอดภัย จึงเป็นช่องว่างให้คนร้ายเอาตรงนี้ไปก่อเหตุ ซึ่งหากคิดว่าไม่ปลอดภัยขอให้ประสานเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจเข้ามาดูแลความปลอดภัยได้ตลอด ทั้งนี้ เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีข้อมูลของผู้เสียหายพอสมควร อาจจะเป็นคนที่มีข้อมูลของผู้เสียหายอยู่บ้าง” พล.ต.ต.กฤษณะ กล่าว