แพร่ - ผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ไม้สักเมืองแพร่พากันปิดร้านไม่มีกำหนดแทบทั้งเมือง หลังมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้บอก คสช.จะเข้าตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ไม้
วันนี้ (18 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ไม้สักใน อ.เมือง อ.สูงเม่น และ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ที่ตั้งเรียงรายตลอดแนวทางหลวงหมายเลข 101 นับพันร้าน พากันปิดหน้าร้านกว่า 3 วันแล้ว เนื่องจากมีข่าวลือแพร่สะพัดว่า คสช.จะส่งกำลังทหารเข้ากวาดล้างแหล่งค้าเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ตรวจสอบที่มาของไม้สัก และการเสียภาษี
ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่หารายได้จากการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้นับ 1,000 ราย โรงงาน โรงค้าไม้ พากันปิดร้านแล้วถึง 3 วัน และจะต้องปิดต่อไปอย่างไม่มีกำหนด จนส่งผลกระทบต่อรายได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีทุนน้อย
แหล่งข่าวผู้ค้าเฟอร์นิเจอร์ใน 3 อำเภอดังกล่าวเปิดเผยว่า คนที่นำเรื่องมาบอก และบอกให้ปิดร้านคือเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ควบคุมร้านค้าทั้งหมด โดยระบุด้วยว่าให้ปิดร้านไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด จนผลกระทบเริ่มรุนแรงและบานปลายออกไปเรื่อย ตลอดจนสร้างความเข้าใจผิดระหว่างกลุ่มประชาชนที่มีอาชีพค้าเฟอร์นิเจอร์กับ คสช.
นายกิจชัย กิจภิญโญ ประธานหอการค้าจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ปัญหาสั่งปิดร้านของเจ้าหน้าที่ป่าไม้มองได้สองมุม คือ มุมถูกต้อง และมุมไม่ถูกต้อง เพราะมีเรื่องของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายการแปรรูป ซึ่งผู้ประกอบการที่ปิดร้านอยู่ ถ้ากลัวว่าตนเองจะผิดกฎหมายหรือไม่คงไม่ต้องปิดร้าน แต่ให้ตั้งกลุ่มเข้ามาเจรจากับทางจังหวัด รวมทั้งหอการค้าจังหวัดแพร่ก็จะให้ความร่วมมือในการนำไปสู่การแก้ปัญหา
“เรื่องนี้เป็นปัญหาที่สะสมมานาน ต้องยอมรับว่าบางส่วนยังคงลักลอบ ซึ่งทางออกคือการรวมกลุ่มมาหารือร่วมกัน น่าจะแก้ไขได้ ไม่ควรปิดร้านหรือหลงเชื่อกลุ่มคนที่สร้างข่าวลือ หรือป้ายสีให้กับ คสช.”
นายศักดิ์ชัย จ.ผลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า เหตุที่ คสช.มีมาตรการเข้มงวดเรื่องการตัดไม้ทำลายป่า เพราะปัญหาใหญ่ของประเทศ รวมทั้งการลักลอบไม้พะยูงไปจำหน่วยต่างประเทศ โดยส่งออกไปทางภาคอีสาน แต่การที่กลุ่มผู้ประกอบการพากันปิดร้าน น่าจะเกิดจากความสับสนในเรื่องข้อมูลข่าวสารมากกว่า เพราะการค้าขายเฟอร์นิเจอร์ไม้สักเป็นการทำมาหากินตามปกติ คงต้องทำความเข้าใจว่าทางราชการไม่ได้มีเจตนาเข้าปิดร้านแต่อย่างใด ส่วนคนที่ออกมาให้ข่าวว่า คสช.จะเข้าตรวจค้นร้านจะต้องตรวจสอบกันต่อไป
“อย่างไรก็ตามมีร้านเฟอร์นิเจอร์และโรงงานทำผิดกฎหมายอยู่บ้าง ซึ่งแก้ได้ไม่ยาก แค่ส่งตัวแทนเข้ามาพูดคุยกันในระดับจังหวัด เพื่อหาทางผ่อนคลาย และทำให้ถูกต้องในโอกาสต่อไป แต่ทุกร้านไม่ควรปิด เพราะจะทำให้ขาดรายได้ แล้วส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปยังส่วนอื่นด้วย”