กาญจนบุรี - ตำรวจไทรโยค กาญจนบุรี ไล่จับวัยรุ่นขี้ยาวิ่งหนีเข้าป่า จ๊ะเอ๋โรงเพาะเห็ดดัดแปลงเป็นโรงงานแปรรูปไม้เถื่อน ประสานเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจยึด ของกลางเพียบ ขณะที่เจ้าของพร้อมคนงานเผ่นลอยนวล
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (17 มิ.ย.) นายบุญสืบ สมัครราช ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ได้รับการประสนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ไทรโยค ว่า พบโรงงานแปรรูปไม้เถื่อนภายในบริเวณหลังบ้านเลขที่ 123 หมู่ 3 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย นายวิวรรธน์ มองเห็นทวีโชค หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ กจ.10 (ห้วยน้ำขาว) เจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้ (ตร.ปทส.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้า และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.กาญจนบุรี
ไปถึงพบเป็นโรงเพาะเห็ดสภาพเก่า สร้างด้วยโครงเหล็กหลังคามุงจาก แปรสภาพเป็นโรงงานแปรรูปไม้ ภายในมีโต๊ะสนุกเกอร์ 1 โต๊ะ มีไม้แปรรูปรวมทั้งไม้ท่อนที่ใช้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์วางเรียงรายอยู่ ตรวจนับไม้แปรรูปยาว 2.50 เมตร จำนวน 245 แผ่น ปริมาตรรวมกัน 2.055 ลูกบาศก์เมตร รัฐเสียหายเป็นเงิน 31,404 บาท ส่วนไม้ท่อนไม้แดง จำนวน 37 ท่อน ยาวท่อนละ 2.50 เมตร ปริมาตร 2.202 ลูกบาศก์เมตร รัฐเสียหาย 21,756 บาท
นอกจากนี้ ยังมีเฟอร์นิเจอร์ไม้พร้อมเก้าอี้ที่ประกอบเสร็จแล้วอีก 5 ชุด อุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าที่ใช้สำหรับแปรรูปไม้ชนิดต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงยึดเอาไว้เป็นของกลางจากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดไปเก็บไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.10 (ห้วยน้ำขาว) โดยประสานไปยังนายบุญชู สืบสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 มาเป็นพยานในการตรวจสอบ และขนย้ายไม้
นายบุญสืบ สมัครราช ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) เปิดเผยว่า ตนได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค ว่า ขณะกำลังไล่จับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่เสพยาบ้า และหลบหนีเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวโดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามมาอย่างกระชั้นชิด แต่ไม่สามารถติดตามจับกุมได้ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวค่อนข้างสลับซับซ้อน
เมื่อมาถึงโรงเพาะเห็ด จึงเข้าไปตรวจสอบแต่ปรากฏว่า ภายในกลับเป็นโรงงานแปรรูปไม้เถื่อน จึงรีบแจ้งให้ตนมาตรวจสอบ อีกทั้งอยู่นอกเขตรับผิดชอบของ สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวจึงแจ้งให้ สภ.ลาดหญ้า เจ้าของท้องที่รับผิดชอบทราบ แต่ขณะนั้นเจ้าของโรงงานแปรรูป และคนงานได้ไหวตัวหลบหนีไปเสียก่อน
จากการสอบถาม นายบุญชู สืบสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ให้การว่า โรงงานแปรรูปไม้เถื่อนที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบมี นายมณฑล นิ่มน้อย ซึ่งเป็นลูกบ้านเป็นเจ้าของ เดิมทีบริเวณดังกล่าวเปิดเป็นโรงเพาะเห็ด แต่ธุรกิจไปไม่รอด นายมณฑล จึงหันมาประกอบอาชีพแปรรูปไม้เพื่อทำเฟอร์นิเจอร์ไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าที่สั่งออเดอร์เข้ามา แต่ไม่ทราบว่าทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำบันทึกรายละเอียดจำนวนของกลางทั้งหมด เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ นายมณฑล นิ่มน้อย และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
