ศรีสะเกษ - ตำรวจศรีสะเกษ แถลงผลกวาดล้างอาวุธสงครามตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ปืน 49 กระบอก ระเบิด 25 ลูก กระสุนปืนกว่า 400 นัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวานนี้ (13 มิ.ย.) ที่ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.มงคล ลิ้มสุวรรณ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.กันทรลักษ์ พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย โรจนรัตนางกูร ผกก.สภ.บึงมะลู ได้แถลงข่าวผลการดำเนินการกวาดล้างอาชญากรรมอาวุธสงคราม และยาเสพติดในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่มีการประกาศกฎอัยการศึก วันที่ 22 พ.ค.เป็นต้นมา
โดยสถานีตำรวจภูธรทั้ง 7 สถานี ที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ ประกอบด้วย สภ.กันทรลักษ์ สภ.เบญจลักษ์ สภ.โดนเอาว์ สภ.ไพร สภ.ขุนหาญ สภ.บึงมะลู และ สภ.กันทรอม สามารถตรวจยึดอาวุธปืนสงคราม เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด รวมทั้งยาเสพติด และผู้ต้องหาจำนวนมาก
พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวว่า ผลการปฏิบัติในห้วงที่มีการประกาศกฎอัยการศึก สามารถจับกุมคดีอาญาได้ 65 ราย ได้ผู้ต้องหา 82 คน แยกเป็น พ.ร.บ.อาวุธปืน 5 ราย พ.ร.บ.การพนัน 17 ราย พ.ร.บ.ยาเสพติด 22 ราย หมายจับคดีค้างเก่า 9 หมาย ซึ่งประกอบด้วย ฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่า พ.ร.บ.ป่าไม้ ตรวจยึด 6 ราย ได้ไม้พะยูง 230 ท่อน
ที่สำคัญคือ ได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด ประกอบด้วย อาวุธปืนแก๊ปยาว จำนวน 35 กระบอก อาวุธปืนอัดลม จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 10 กระบอก อาวุธปืนเซกาเซ่ จำนวน 2 กระบอก เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 72 จำนวน 1 กระบอก ลูกระเบิดขว้างขนาดต่างๆ จำนวน 20 ลูก ลูกยิงจากเครื่องยิงระเบิด จำนวน 5 ลูก กระสุนปืนขนาดต่างๆ จำนวน 420 นัด
โดยตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ได้จัดชุดปฏิบัติการเพื่อป้องกันเหตุร้ายตามจุดเสี่ยงต่างๆ ร่วมกับฝ่ายทหาร และฝ่ายปกครองอย่างเต็มที่
พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประกาศขยายเวลาในการนำเอาอาวุธสงคราม และอาวุธปืนต่างๆ ที่ผิดกฎหมายมามอบให้แก่ทางราชการได้โดยไม่มีความผิด จนถึงวันที่ 25 มิ.ย. นี้ จึงขอฝากถึงประชาชนชาวศรีสะเกษที่มีอาวุธผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง ให้นำเอามามอบให้แก่ทางราชการ หรืออาจนำเอาไปมอบให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้เป็นตัวแทนนำเอามามอบให้แก่ทางราชการก็ได้ และอาจจะนำเอาอาวุธสงครามไปวางทิ้งไว้ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แล้วโทรศัพท์แจ้งให้ตำรวจไปรับมาดำเนินการตามกฎหมายก็ได้เช่นกัน
“หากพ้นกำหนดตามที่ คสช.ประกาศแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้จะมีความผิดตามกฎหมายสถานหนัก” พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าว