ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภูธรภาค 5 และทหารมณฑลทหารบกที่ 33 ร่วมแถลงผลจับกุม 7 ผู้ต้องหาเครือข่ายผู้ค้ายาบ้าในพื้นที่เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้า 1.4 หมื่นเม็ด อาวุธปืน และรถยนต์หลายคัน หลังลอบนำยาบ้าจากชายแดนซุกรถหวังนำมาขายผู้เสพ แต่ถูกสกัดคาด่านเชียงดาว
วันนี้ (13 มิ.ย.) พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.โกศล ประทุมชาติ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหาจำนวน 7 คน ได้แก่ นายเผด็จ สำเภาไทย อายุ 38 ปี นายณัฐวุฒิ สีลา อายุ 24 ปี นายศรายุทธ อินทร์เอี่ยม อายุ 27 ปี นางวัชรี แก้ววิวัฒน์ อายุ 58 ปี นายวัชระพงษ์ อินต๊ะชมพู อายุ 25 ปี นายขวัญชัย ใจกว้าง อายุ 32 ปี และ น.ส.ศรีสุรงค์ ตะมุกา อายุ 29 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 14,400 เม็ด รถยนต์กระบะ 3 คัน รถยนต์เก๋ง 1 คัน โทรศัพท์มือถือ และอาวุธปืน
โดยการจับกุมสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจแก่งปันเต๊า อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ สืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่
กระทั่งเช้าวันที่ 11 มิ.ย.57 ได้ทำการตรวจค้นรถยนต์กระบะที่มี นายเผด็จ เป็นผู้ขับขี่ พบยาบ้า 14,000 เม็ด ซุกซ่อนไว้บริเวณช่องเก็บอุปกรณ์เครื่องมือใต้เบาะด้านหลังคนขับ จากนั้นทำการสืบสวนขยายผล และสามารถจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายเดียวกันได้อีก 6 คน
ทั้งนี้ พล.ต.ท.วันชัย กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้เป็นผลมาจากการดำเนินการปราบปราบขบวนการผู้ยาเสพติดทั้งรายใหญ่ และรายย่อยอย่างต่อเนื่องจริงจัง ภายใต้ความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นผู้ค้ายาเสพติดที่ไปรับยาบ้ามาจากพื้นที่ชายแดน แล้วนำมาขายให้แก่ผู้เสพในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจากนี้เจ้าหน้าที่จะยังคงมีการดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มข้นจริงจังต่อเนื่องเพื่อกวาดล้างขบวนการเหล่านี้
ส่วนกรณีที่การข่าวมีการระบุว่า กลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดมีการนำยาบ้ามาซุกซ่อนไว้ตามแนวชายแดนจ่อที่จะทะลักเข้าสู่ประเทศไทยนั้น พล.ต.ท.วันชัย บอกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มีการประสานความมือกันในการสกัดกั้นอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ตั้งแต่พื้นที่แนวชายแดน รวมทั้งการตั้งด่านตรวจด่านสกัดกั้นทุกเส้นทางทั้งสายหลัก และสายรอง เชื่อว่าน่าจะได้ผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่าการที่ขณะนี้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก มีผลดีทำให้สถิติอาชญากรรมลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก รวมทั้งคดียาเสพติดด้วย ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการสนับสนุนกำลังจากฝ่ายทหารเข้ามาช่วยร่วมมือกันทำงาน และปฏิบัติหน้าที่จนได้ผลดียิ่งขึ้น