ตราด - ชาวบ้าน ต.ตะกาง กว่า 100 คน รวมตัวขับไล่เจ้าอาวาสวัดตะกาง หลังทำบุญเสร็จ กล่าวหาประพฤติตนไม่เหมาะสม ขณะเจ้าคณะอำเภอสอบสวนแล้วไม่มีเหตุอันควรไล่พ้นวัด แค่ลงโทษตามวินัยสงฆ์
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ศาลาการเปรียญวัดตะกาง ต.ตะกาง อ.เมือง จ.ตราด มีชาวบ้าน ต.ตะกาง กว่า 100 คน รวมตัวกันเรียกร้องให้พระมหาสุรชัย ชวโน เจ้าอาวาสวัดตะกาง ออกไปให้พ้นจากวัด เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อสมณเพศ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังพิธีทำบุญแล้ว ส่วนพระมหาสุรชัย ชวโน กลับไปยังกุฏิแล้ว ชาวบ้านจึงได้ใช้ไมโครโฟนของวัดพูดถึงปัญหาให้แก่กลุ่มชาวบ้านที่มาทำบุญด้วยกันได้รับทราบ
โดยอ้างว่า เจ้าอาวาสวัดว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น อยู่ในที่ลับตาสองต่อสองกับผู้หญิงยามค่ำคืน และเรียกร้องให้ออกมาตอบคำถามชาวบ้าน แต่เจ้าอาวาสไม่ยอมขึ้นมาบนศาลาการเปรียญ แต่กำลับจะขึ้นรถโดยสารเพื่อไปทำกิจนิมนต์ ทำให้ชาวบ้าน 4-5 คนไม่พอใจ ได้วิ่งกรูไปหาเจ้าอาวาสที่กำลังจะขึ้นรถโดยสาร
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าเลื่อน นำโดย พ.ต.ท.อรรคนิต์ แสงสุรีย์ สวป. นำกำลังตำรวจตามไปเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น โดยนิมนต์ให้เจ้าอาวาสขึ้นไปบนศาลาการเปรียญเพื่อตอบคำถามชาวบ้าน
เมื่อเจ้าอาวาสเข้ามาภายในศาลาการเปรียญ และขึ้นไปบนอาสนะสงฆ์แล้ว ได้กล่าวต่อชาวบ้านว่า กำลังจะไปเป็นพระอุปัชฌาย์ให้แก่พระบวชใหม่ที่ ต.ท่าพริก ทำไมมาขัดขืนไม่ให้ไป เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แล้วการที่โยมทั้งหลายจะคุยหรือปรึกษาเรื่องใดๆ น่าจะแจ้งให้อาตมาทราบก่อน อาตมาจะได้ไม่ต้องรับกิจนิมนต์
ชาวบ้านได้ขึ้นพูด และถามเจ้าอาวาสว่า ที่ได้มีการพูดคุยตกลงกันไว้ว่า ท่านจะออกจากวัดตะกางนั้น จะไปหรือไม่ เมื่อไหร่ ชาวบ้านทุกคนต้องการคำตอบ และไม่ต้องการให้จำวัดอยู่ที่นี่อีกต่อไป
ปรากฏว่า พระมหาสุรชัย ชวโน บอกว่าเลยเวลานั้นมาแล้ว ทำให้ชาวบ้านที่ไม่พอใจ ตะโกนขับไล่ รวมทั้งมีการถามความต้องการชาวบ้านว่า ถ้าใครต้องการให้เจ้าอาวาสวัดอยู่ต่อไปให้ยกมือ และใครไม่ต้องการให้ยกมือ ปรากฏว่า ชาวบ้านทุกคนยกมือไม่ต้องการ พระมหาสุรชัย ชวโน ได้แต่นั่งนิ่ง และเงียบไม่ตอบโต้แต่อย่างใด
นายปราโมท ดีหลาย อายุ 52 ปี ชาวบ้านที่ขึ้นกล่าวต่อชาวบ้าน บอกว่า ทราบถึงพฤติกรรมของพระมหาสุรชัย ชวโน มานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรก ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ตนได้ขี่รถจักรยานมาที่โรงเรียนที่ติดกับวัด พบรถจักรยานยนต์จอดอยู่ใต้อาคารเรียน รู้สึกแปลกใจว่าโรงเรียนปิดทำไมมีครู หรือใครมาทำอะไร และเห็นเจ้าอาวาสวิ่งกลับไปที่กุฏิ ตนเองตามไปแต่ไม่พบ จึงโทรศัพท์แจ้งให้กำนันทราบ และได้มีการติดต่อสื่อสารกันระหว่างญาติโยมว่าเจ้าอาวาสหายไปไหน
กระทั่งพบว่า มีเพื่อนบ้านชื่อสมศักดิ์ มารับเจ้าอาวาสไป และบอกว่าเจ้าอาวาสโทรศัพท์มาบอกให้มารับ เพราะมีคนปองร้าย โดยมารับที่กุฏิไม่เจอ แต่กลับไปเจอเจ้าอาวาสที่ปากทางเข้าวัด
ด้านนายอภิเดช กล่าวว่า พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมีมานานนับ 10 ปีแล้ว แต่การที่ชาวบ้านเพิ่งจะออกมาตอนนี้เพราะเริ่มทนไม่ไหว และหมดศรัทธาต่อเจ้าอาวาสรูปนี้ ซึ่งล่าสุด ก็เกิดเหตุไม่เหมาะสมขึ้นอีกเมื่อวันที่ 2 เมษายน ชาวบ้านไปพบอยู่กับผู้หญิงที่โรงเรียน ซึ่งก็ได้แจ้งให้ตนเองและกำนันทราบ
ซึ่งหลับรับแจ้งตน และกำนันได้ทำเรื่องร้องไปยังเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งได้สอบสวนโดยคณะสงฆ์ฝ่ายปกครอง อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านหมดความอดทนแล้ว จึงไม่ยอมรับคำตัดสินของฝ่ายสงฆ์ ไม่ว่ากรณีใดๆ
ด้านพระครูมงคล ปัญญากร เจ้าคณะอำเภอเมือง พระครูประโชต์ บุญญรักษ์ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัด มาชี้แจงให้ญาติโยมถึงผลการสอบสวน โดยพระครูมงคล ปัญญากร กล่าวว่า ขอร้องให้ทุกคนอยู่ในความสงบ อย่าใช้ความรุนแรง ขอให้ใช้วิถีพุทธเพื่อความสงบ ซึ่งอาตมามาในวันนี้เพราะต้องการให้เกิดความสงบมากที่สุด
สำหรับการร้องเรียนครั้งนี้ นายกเทศบาลตำบลตะกาง คือ นายอภิเดช บุญล้อม และกำนันตำบลตะกาง เป็นโจทก์ยื่นข้อร้องเรียน ซึ่งอาตมา และคณะที่ทำการสอบสวนเจ้าอาวาสวัดตะกาง และพยานบุคคลไว้แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา และบอกต่อ นายอภิเดชว่า คณะสงฆ์ฝ่ายปกครองขอเวลาในการรวบรวมสำนวน เพื่อนำเสนอเจ้าคณะจังหวัดภายใน 10 วัน แต่กลับมีเรื่องการขับไล่เจ้าอาวาสเกิดขึ้น ทำให้อาตมาไม่สบายใจ
“ขอให้ญาติโยมเห็นแก่วัด คนเราไม่ดี 100% แต่อยากให้ทุกคนชั่งน้ำหนักระหว่างความดี กับความไม่ดี เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาการแตกแยกขึ้น
จากนั้นพระครูประโชติ บุญญรักษ์ ได้ชี้แจงถึงผลการสอบสวนว่า การสอบสวนเพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวานนี้ วันนี้ตนเองกำลังรวบรวมหลักฐาน หรือสำนวนการสอบสวนทั้งหมดเพื่อนำเสนอ พระผู้ใหญ่ แต่กลับเกิดปัญหาขึ้นเสียก่อน อาตมาเดินทางมาจึงไม่มีเอกสารใดๆ มาให้ทราบ แต่สามารถบอกได้ตามที่จำได้ว่า ได้มีการสอบสวนพยานบุคคลฝ่ายกล่าวหาว่า เห็นหรือพบเห็นว่า เจ้าอาวาสวัดกระทำผิดตามที่กล่าวหรือไม่ อย่างไร ซึ่งบางคนตอบว่าเห็น บางคนตอบว่าไม่เห็น แต่ฟังเขามา แต่ในส่วนตัวของอาตมาแล้ว มองว่าเจ้าอาวาสวัดตะกางมีความผิดจริง เพราะระเบียบของสงฆ์การอยู่ในที่ลับตาสองต่อสองกับผู้หญิงนั้นเป็นความผิดอยู่แล้ว ซึ่งความผิดนี้ทางคณะสงฆ์ฝ่ายปกครองจะเป็นผู้ลงโทษเอง
ซึ่งภายหลังการกล่าวเสร็จ พระครูประโชติ ถึงกับน้ำตาซึมเนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือน และส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาให้เสื่อมเสีย
อย่างไรก็ตามพระครูมงคล ปัญญากร ได้ขอให้ฝ่ายชาวบ้านส่งตัวแทนเพื่อมาเจรจายุติปัญหากับฝ่ายพระสงฆ์ ส่วนชาวบ้านที่อยู่รอบนอกขอให้อยู่ในอาการสงบ ไม่อยากให้ใช้อารมณ์ หรือการกระทำใดๆ ที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เพราะที่นี่เป็นวัด และมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทั้งตำรวจ และทหารเข้ามาดูแลอยู่
ล่าสุดเจ้าอาวาสวัดตะกาง ยอมออกจากวัดแล้วหลังชาวบ้านไม่ยอมรับการตัดสินของคณะสงฆ์ฝ่ายปกครอง พร้อมเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเพราะมีกลุ่มคนที่ไม่พอใจอาตมา จึงรวบรวมคนมาขับไล่ เพราะต้องการที่จะนำพระที่พวกเขารู้จักและศรัทธา มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทน ซึ่งอาตมาไม่ขอพูดอะไรเพื่อเป็นการแก้ตัวเพราะกลุ่มชาวบ้านที่มารวมตัว เป็นฝ่ายที่ไม่ชอบอาตมาทั้งนั้นพูดอะไรออกไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ส่วนพฤติกรรมที่เขาสงสัยว่าอาตมาทำตัวไม่เหมาะสมนั้น อาตมาได้ให้ปากคำกับคณะสงฆ์ที่มาทำการสอบสวนแล้ว จึงไม่อยากจะพูดอะไรอีกให้เป็นการขัดแย้งกับการให้การกับคณะสงฆ์ ส่วนการไปจากวัดนั้น แม้ในครั้งแรกที่คณะสงฆ์สอบสวนได้แจ้งให้อาตมาอยู่ที่วัดก่อน เพื่อพิสูจน์ แต่ในเมื่อชาวบ้านไม่ยอมรับในตัวอาตมา ก็ยินดีที่จะออกไปจากวัดตะกาง