พระนครศรีอยุธยา - ชาวนาอยุธยากว่า 80 ราย ครวญฝนทิ้งช่วงทำให้ผืนนาแตก ชลประทานปล่อยน้ำไม่พอทำนา ทำให้ข้าวยืนต้นตาย
วันนี้ (5 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายสุบิน จงจิตร อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/1 ต.มารวิชัย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีอาชีพทำนาว่า ขณะนี้ต้นข้าวที่ตนปลูกอยู่จำนวน 120 ไร่ เป็นพันธุ์ข้าว กข.49 อายุ 20 วัน กำลังจะยืนต้นตาย พร้อมกับข้าวของชาวนาในพื้นที่ ต.มารวิชัย อ.บางไทร และ ต.ชายนา อ.เสนา กว่า 80 ราย ที่กำลังเดือดร้อนเช่นกัน
เนื่องจากต้นข้าวที่ปลูกไว้บนพื้นที่นารวมกว่า 1,500 ไร่ กำลังจะขาดน้ำตายหลังจากที่ไม่มีน้ำจากชลประทานปล่อยเข้ามาในทุ่งนา ทำให้พื้นดินแห้งแตกระแหง ต้นข้าวเริ่มแห้งเหลือง และบางพื้นที่ก็ยืนต้นตายแล้ว ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งทางชลประทานที่ 11 ก็ปล่อยน้ำมาไม่ถึงนาของชาวนาทั้ง 2 ตำบล
นายสุบิน กล่าวอีกว่า ตอนนี้ชาวนาต่างระดมนำเครื่องสูบน้ำประมาณ 10 เครื่อง มาเร่งสูบน้ำจากคลองชลประทานเข้านาที่ขณะนี้น้ำในคลองดังกล่าวก็แห้งมาก ทำให้น้ำในคลองไม่เพียงพอที่จะไหลไปเลี้ยงต้นข้าวที่เหลือง และจะตายได้
“ที่ผ่านมาชาวนาบางคนได้ร่วมกันทำพิธีทำขวัญข้าวเพื่อขอฝนมา 3-4 วัน แต่ฝนก็ยังไม่ตกในพื้นที่ 2 ตำบลดังกล่าว แต่ถ้าต้นข้าวตายผลผลิตก็ไม่ได้ตามที่ต้องการ ชาวนาก็จะมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก เพราะต้องกู้หนี้ ธ.ก.ส.มาลงทุนซื้อเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง”
ด้าน นายจรัส เพ็ญศิริสมบรูณ์ ผู้อำนวยการชลประทานที่ 11 (เจ้าเจ็ด) อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางกรมชลประทานได้ปล่อยน้ำมาให้แก่ชาวนาประมาณ 1.4 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากได้พ้นฤดูแล้งมาแล้วแต่ชาวนาหลายพื้นที่ในแต่ละอำเภอได้ลงมือทำนาพร้อมๆ กัน จึงทำให้น้ำไม่พอใช้ทำนาในพื้นที่ตอนล่าง
โดยเฉพาะ 2 ตำบลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปล่อยน้ำเพิ่มเป็น 10 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีแล้ว เพื่อให้พอใช้ในการทำนาใน 2 ตำบลที่ถูกชาวนาต้นทางดึงน้ำไปใช้ก่อน แต่ถ้ายังไม่พอก็จะดึงน้ำจากคลองพระยาบันลือมาช่วยพื้นที่ตอนล่างต่อไป