อุตรดิตถ์ - ทหารทัพภาค 3 ร่วมป่าไม้จังหวัดอุตรดิตถ์ ตรวจยึดรถขนไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ 3 คัน เจ้าของบอกรับจ้างนำไปส่งคนมีสีเชียงใหม่
เจ้าหน้าที่ทหารของกองทัพภาคที่ 3 และจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ ร่วมกับตำรวจ สภ.ตรอน ตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมายที่อาจนำไปก่อเหตุร้าย ภายใต้กฎอัยการศึก บริเวณ 4 แยกบ้านน้ำอ่าง หมู่ที่ 9 ต.น้ำอ่าง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์
กระทั่งเวลาประมาณ 22.30 น. คืนวันที่ 29 พ.ค. พบรถยนต์ 6 ล้อ 3 คัน ทะเบียน 81-4548 เลย, 84-8245 สุพรรณบุรี และทะเบียน 81-6930 เลย ขับผ่านมา บนรถมีไม้ขนาดใหญ่ 3 ต้น ลักษณะเพิ่งขุดออกมาทั้งลำต้น เพื่อเตรียมนำไปปลูกลงดิน เป็นไม้พะยอม 2 ต้น และไม้กระบก 1 ต้น
สอบถามคนขับชื่อ นายสุริยัน โพธ์ตะนิ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 1 ต.บ้านผือ อ.หนองเสือ จ.ขอนแก่น นายณัฐพล ทนนาดี อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ต.วังสวาบ อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น และนายสมคิด บังสูงเนิน อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 53/2 หมู่ที่ 2 ต.หนองบัว อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย
ทั้งหมดรับว่า ไม้ดังกล่าวกำลังจะขนไปให้ผู้รับซื้อซึ่งเป็นคนมีสีอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนการซื้อขายกันมาอย่างไรพวกตนไม่ทราบ เป็นเพียงแค่รับจ้างขนให้ ซึ่งจะได้รับค่าจ้างขนครั้งละไม่ต่ำกว่า 16,000 บาทต่อรถหนึ่งคัน
นอกจากนี้ ทั้ง 3 คน ได้นำเอาเอกสารภาพถ่ายต้นไม้ขณะยังยืนต้น และเอกสารสำเนาโฉนดที่ดินมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ โดยมีบางภาพเป็นภาพที่ค่อนข้างเก่า และในใบเอกสาร มีเพียงกำนันในพื้นที่เป็นผู้เซ็นรับรองมาเท่านั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่ของป่าไม้จังหวัดร้อยเอ็ด ต้นทางของไม้เซ็นรับรองมาแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ป่าไม้กล่าวว่า กำนันไม่สามารถเซ็นรับรองการเคลื่อนย้ายไม้ออกไปทั่วราชอาณาจักรได้ ถึงจะเป็นไม้ที่อยู่ในโฉนดที่ถูกต้อง และมีใบสัญญาซื้อขายก็ตาม จากเอกสารดังกล่าวต้องตรวจสอบอีกครั้งว่า นำออกมาจากโฉนดของชาวบ้านจริงหรือไม่
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง พ.ต.ท.ณัฐวุฒ กาฝากทอง พนักงานสอบสวน สภ.ตรอน ให้ดำเนินการตรวจข้อเท็จจริงอีกครั้ง พร้อมอายัดไม้ทั้งหมดไว้ตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากเอกสารไม่ชัดเจนว่า ได้นำไม้มาจากหลักฐานที่ดินดังกล่าวจริงหรือไม่ และพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ครอบคลอง
พ.อ.สมใจ รอดสุขเจริญ ศูนย์ประสานงานความมั่นคงกองทัพภาคที่ 3 (สปม.) กล่าวว่า ปัจจุบันขบวนการขนไม้มักจะขนไม้เป็นต้นๆ เมื่อลงพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย-ลาว แล้วจะนำไปแปรรูปส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
