สระบุรี - บรรยากาศการรับเงินค่าจำนำข้าวที่ ธ.ก.ส.สระบุรี คึกคัก ด้านผู้อำนวยการ ธ.ก.ส.สระบุรี คาดจะจ่ายถึงมือเกษตรกรชาวนาครบทุกครัวเรือนภายใน 3 สัปดาห์ ส่วนที่ชัยนาทรับเงินจำนำข้าวรอบแรกแล้ว 1,050 ล้าน
วันนี้ (28 พ.ค.) บรรยากาศที่สำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดสระบุรี ยังคงคึกคักไปด้วยชาวนาที่เดินทางมารับเงินค่าจำนำข้าวอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานนี้ (27 พ.ค.) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พ.อ.สุวิทย์ มหาศักดิ์สุนทร รองผู้บัญชาการจังหวัดทหารบกสระบุรี และนายประพันธ์ บุญวิวัตินานันท์ ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส.จังหวัดสระบุรี ได้ร่วมกันมอบเงินตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 ให้แก่ชาวนาไปแล้วประมาณ 200 ราย ท่ามกลางความยินดีของชาวนาที่นำใบประทวนมารอรับด้วยความดีใจ
ทั้งนี้ นายประพันธ์ บุญวิวัตินานันท์ ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส.จังหวัดสระบุรี กล่าวว่า เบื้องต้น ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ได้โอนเงิน จำนวน 40,000 ล้านบาท กระจายลงแต่ละสาขาเพื่อเตรียมจ่ายเงินจำนำข้าวแล้ว ซึ่งในส่วนของจังหวัดสระบุรี ยังมีเกษตรกรที่ยังรอรับเงินจำนำข้าวเหลือคงค้างอยู่อีก 6,330 ครอบครัว คิดเป็นเงินค้างจ่ายประมาณ 962 ล้านบาท ได้รับจัดสรรรอบนี้ 400 ล้านบาท
โดยเราจะเริ่มนัดเกษตรกรมาทำสัญญา และจ่ายเงินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยสามารถจ่ายให้เกษตรกรได้อย่างน้อยวันละ 500 ราย หรือคิดเป็นเงินที่สามารถจ่ายได้อย่างน้อยวันละ 60 ล้านบาท คาดว่าจะจ่ายถึงมือเกษตรกรครบทุกครัวเรือนภายใน 3 สัปดาห์ ส่วนการดำเนินการในวันนี้มีเกษตรกรในพื้นที่ อ.เมืองสระบุรี และ อ.เฉลิมพระเกียรติ มารับเงินจำนำข้าว จำนวน 200 ครอบครัว เป็นเงินประมาณ 28 ล้านบาท
พ.อ.สุวิทย์ มหาศักดิ์สุนทร รองผู้บัญชาการจังหวัดทหารบกสระบุรี กล่าวว่า ปัจจุบันมีการจัดสรรเม็ดเงินมาให้ชาวนาตามโครงการรับจำนำข้าว แล้วตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกร โดยเม็ดเงินงบประมาณได้โอนมาให้แล้ว และจะมีการจัดสรรลงมาผ่าน ธ.ก.ส.คาดว่าก้อนแรกจะครบทั้งหมดภายในระยะเวลาไม่เกินครึ่งเดือน ซึ่งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในขั้นต้น
สำหรับโครงการช่วยเหลือชาวนาในอนาคตระยะยาวจะเป็นอย่างไรก็คงต้องติดตามการแก้ไขปัญหาต่อไป เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป
“ชัยนาท” รับเงินจำนำข้าวรอบแรก 1,050 ล้าน
ส่วนที่ ธ.ก.ส.จังหวัดชัยนาท สาขาอำเภอเมืองชัยนาท นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ได้เดินทางมามอบเงินโครงการรับจำนำข้าว ในปีการผลิต 56/57 แก่เกษตรกร ซึ่งทางจังหวัดชัยนาท ได้รับการจัดสรรงบรอบแรกมา 1,050 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของยอดที่ค้างจ่าย 2,478 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส.จังหวัดชัยนาท จะแบ่งเงินกระจายออกไปทั้ง 9 สาขา ในจังหวัดชัยนาท (ตามลำดับใบประทวนที่มายื่น) ซึ่งคิดเป็นจำนวนเกษตรกรที่ได้รับเงิน 6,156 ราย เพื่อให้ความสะดวกสบาย และปลอดภัยแก่พี่น้องเกษตรกรที่จะเดินทางมารับเงิน จึงได้มีการนัดหมายเกษตรกรให้มารับเงินตามโครงการจำนำข้าว ปี 56/57 วันละ 200 รายต่อสาขา
โดยคาดว่าจะจ่ายแล้วเสร็จภายใน 4 วัน ซึ่งจังหวัดชัยนาท จะยังคงมีเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าวในรอบแรก จำนวน 9,602 ราย คิดเป็นเงิน 1,428 ล้านบาท ซึ่งทาง ธ.ก.ส.จังหวัดชัยนาท คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินเพิ่มเติมส่วนที่ค้างให้แก่พี่น้องเกษตรกรทุกรายแล้วเสร็จภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2557
พร้อมกันนี้ ยังได้มีการแนะนำพี่น้องเกษตรกรที่มารับเงินในเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงินไว้กับทาง ธ.ก.ส. ถ้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ ถ้านำกลับบ้านก็อย่าให้หลงเชื่อใจใครให้เก็บด้วยความระมัดระวัง และถ้ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นก็ขอให้รีบแจ้งไปที่เบอร์ของสถานีตำรวจในพื้นที่ หรือเบอร์ 191 เพื่อให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
วันนี้ (28 พ.ค.) บรรยากาศที่สำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดสระบุรี ยังคงคึกคักไปด้วยชาวนาที่เดินทางมารับเงินค่าจำนำข้าวอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานนี้ (27 พ.ค.) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พ.อ.สุวิทย์ มหาศักดิ์สุนทร รองผู้บัญชาการจังหวัดทหารบกสระบุรี และนายประพันธ์ บุญวิวัตินานันท์ ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส.จังหวัดสระบุรี ได้ร่วมกันมอบเงินตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 ให้แก่ชาวนาไปแล้วประมาณ 200 ราย ท่ามกลางความยินดีของชาวนาที่นำใบประทวนมารอรับด้วยความดีใจ
ทั้งนี้ นายประพันธ์ บุญวิวัตินานันท์ ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส.จังหวัดสระบุรี กล่าวว่า เบื้องต้น ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ได้โอนเงิน จำนวน 40,000 ล้านบาท กระจายลงแต่ละสาขาเพื่อเตรียมจ่ายเงินจำนำข้าวแล้ว ซึ่งในส่วนของจังหวัดสระบุรี ยังมีเกษตรกรที่ยังรอรับเงินจำนำข้าวเหลือคงค้างอยู่อีก 6,330 ครอบครัว คิดเป็นเงินค้างจ่ายประมาณ 962 ล้านบาท ได้รับจัดสรรรอบนี้ 400 ล้านบาท
โดยเราจะเริ่มนัดเกษตรกรมาทำสัญญา และจ่ายเงินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยสามารถจ่ายให้เกษตรกรได้อย่างน้อยวันละ 500 ราย หรือคิดเป็นเงินที่สามารถจ่ายได้อย่างน้อยวันละ 60 ล้านบาท คาดว่าจะจ่ายถึงมือเกษตรกรครบทุกครัวเรือนภายใน 3 สัปดาห์ ส่วนการดำเนินการในวันนี้มีเกษตรกรในพื้นที่ อ.เมืองสระบุรี และ อ.เฉลิมพระเกียรติ มารับเงินจำนำข้าว จำนวน 200 ครอบครัว เป็นเงินประมาณ 28 ล้านบาท
พ.อ.สุวิทย์ มหาศักดิ์สุนทร รองผู้บัญชาการจังหวัดทหารบกสระบุรี กล่าวว่า ปัจจุบันมีการจัดสรรเม็ดเงินมาให้ชาวนาตามโครงการรับจำนำข้าว แล้วตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกร โดยเม็ดเงินงบประมาณได้โอนมาให้แล้ว และจะมีการจัดสรรลงมาผ่าน ธ.ก.ส.คาดว่าก้อนแรกจะครบทั้งหมดภายในระยะเวลาไม่เกินครึ่งเดือน ซึ่งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในขั้นต้น
สำหรับโครงการช่วยเหลือชาวนาในอนาคตระยะยาวจะเป็นอย่างไรก็คงต้องติดตามการแก้ไขปัญหาต่อไป เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป
“ชัยนาท” รับเงินจำนำข้าวรอบแรก 1,050 ล้าน
ส่วนที่ ธ.ก.ส.จังหวัดชัยนาท สาขาอำเภอเมืองชัยนาท นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ได้เดินทางมามอบเงินโครงการรับจำนำข้าว ในปีการผลิต 56/57 แก่เกษตรกร ซึ่งทางจังหวัดชัยนาท ได้รับการจัดสรรงบรอบแรกมา 1,050 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของยอดที่ค้างจ่าย 2,478 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส.จังหวัดชัยนาท จะแบ่งเงินกระจายออกไปทั้ง 9 สาขา ในจังหวัดชัยนาท (ตามลำดับใบประทวนที่มายื่น) ซึ่งคิดเป็นจำนวนเกษตรกรที่ได้รับเงิน 6,156 ราย เพื่อให้ความสะดวกสบาย และปลอดภัยแก่พี่น้องเกษตรกรที่จะเดินทางมารับเงิน จึงได้มีการนัดหมายเกษตรกรให้มารับเงินตามโครงการจำนำข้าว ปี 56/57 วันละ 200 รายต่อสาขา
โดยคาดว่าจะจ่ายแล้วเสร็จภายใน 4 วัน ซึ่งจังหวัดชัยนาท จะยังคงมีเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าวในรอบแรก จำนวน 9,602 ราย คิดเป็นเงิน 1,428 ล้านบาท ซึ่งทาง ธ.ก.ส.จังหวัดชัยนาท คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินเพิ่มเติมส่วนที่ค้างให้แก่พี่น้องเกษตรกรทุกรายแล้วเสร็จภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2557
พร้อมกันนี้ ยังได้มีการแนะนำพี่น้องเกษตรกรที่มารับเงินในเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงินไว้กับทาง ธ.ก.ส. ถ้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ ถ้านำกลับบ้านก็อย่าให้หลงเชื่อใจใครให้เก็บด้วยความระมัดระวัง และถ้ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นก็ขอให้รีบแจ้งไปที่เบอร์ของสถานีตำรวจในพื้นที่ หรือเบอร์ 191 เพื่อให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที