นครพนม - รัฐประหารลามค้าชายแดนนครพนมซบเซาหนัก เหตุปิดด่านไทย-ลาว แม่ค้าผลไม้ ร้านขายข้าวแกงบ่น ยอดขายลดฮวบ เหตุนักท่องเที่ยวผ่านด่านน้อยกว่าปกติ
วันนี้ (26 พ.ค.) ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจทำรัฐประหาร และประกาศเคอร์ฟิว ห้ามบุคคลออกจากเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00-05.00 น. บรรยากาศโดยทั่วไปตามชายแดน จ.นครพนม มี ตชด.237 กว่า 10 นาย ตั้งด่านตรวจที่ป้อมยามสี่แยกบ้านเสียว หมู่ 3 ถนนหลวงสาย 212 ท่าอุเทน-บ้านแพง เพื่อตรวจตราบุคคล และพาหนะอย่างเข้มงวด
ส่วนบริเวณด่านผ่านแดนถาวรสากล ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านโพธิ์ชัย หมู่ 5 ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง พบว่ามีทหารพราน ตชด.ที่ 237 และทหารเรือกว่า 10 นาย คอยลาดตระเวนตรึงกำลังเฝ้าชายแดนเข้มตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อห้ามบุคคลทั้งชาวไทย และชาวลาว เดินทางเข้า-ออกทั้งในและนอกราชอาณาจักร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารเรือระบุว่า ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้นำเรือออกลาดตระเวนทางน้ำเวลา 22.00-05.00 น. ส่งผลให้บรรยากาศค้าขายตามแนวชายแดนบริเวณนี้เงียบเหงา โดยเฉพาะที่ อ.บ้านแพง ซึ่งมีด่านถาวรสากล และจุดผ่อนปรนการค้าชายแดน 2 แห่ง
นางเบญจมาศ ช่วยนาลือ วัย 31 ปี แม่ค้าขายข้าวแกงร้านป้าแหว๋ว กล่าวว่า ขายข้าวแกงหน้าตลาดสดเทศบาลตำบลบ้านแพง มานาน 5 ปี มีพ่อค้าแม่ค้าชาวลาวมาซื้อไปขายต่อ และขายยกถาดยกหม้อ แต่หลังทำรัฐประหาร มีการปิดด่านจุดผ่อนปรนบ้านดอนแพง หมู่ 7 ต.บ้านแพง ทำให้เดือดร้อนหนัก ยอดขายลดน้อยลง จากเดิมขายได้ 14,000-15,000 บาทต่อวัน ลดลงเหลือ 8,000-10,000 บาท
ด้านนางธีรนันท์ เนื้อนา อายุ 33 ปี แม่ค้าผลไม้กล่าวว่า หลังประกาศเคอร์ฟิวทำให้บริเวณหน้าตลาดสดเงียบเหงา ชาวลาวไม่ข้ามฝั่งมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคฝั่งไทย หลังปิดด่านชายแดนได้แค่ 3 วัน ผลไม้ที่เคยขายได้วันละ 30,000-40,000 บาทต่อวัน ทั้งขายปลีกหน้าร้าน และขายส่งให้ชาวลาว ยอดขายลดลงเหลือแค่ 1,000-2,000 บาทเท่านั้น อีกทั้งผลไม้ เช่น มะม่วง กระท้อน กล้วย เงาะ ต้องเน่าเสียเททิ้งวันละ 2 เข่งทุกวัน ผู้ขับสามล้อเครื่อง ก็ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปด้วย