บุรีรัมย์ - ฮือฮา! เศรษฐีเจ้าของหอพักและสินเชื่อบุรีรัมย์ที่เคยติดประกาศรับสมัครลูกเขย หอบธนบัตรฉบับละ 50 บาท เดินแลกกับเงิน 40 บาททั่วเมือง เผยมีเงินพอแล้วอยากแบ่งปันให้คนยากจนกว่าบ้าง ชี้ตายแล้วเอาไปไม่ได้และไม่สนถูกมองว่าเพี้ยน สร้างความประหลาดใจให้แก่ ปชช. ผู้พบเห็น และต่างนำเงินมาแลกคึกคัก
วันนี้ (18 พ.ค.) กลายเป็นกระแสฮือฮาอีกแล้ว หลังจาก นายเสริมเกียรติ กัลป์เจริญศรี อายุ 64 ปี เศรษฐีเจ้าของธุรกิจหอพักและสินเชื่อที่ จ.บุรีรัมย์ ได้นำธนบัตรฉบับละ 50 บาท เย็บติดกับถุงพลาสติกมีรูปถ่ายของตัวเอง พร้อมข้อความว่า “เบอร์ 4 ขอทดแทนบุญคุณ ขอเป็นฝ่ายค้าน” และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ เดินแลกกับเงิน 40 บาท ตามบริเวณสถานีรถไฟ สถานีขนส่งผู้โดยสาร ย่านตลาด และสถานที่ต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์
จนสร้างความประหลาดใจให้แก่ประชาชน ผู้โดยสารที่มารอขึ้นรถ รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้า และผู้ที่พบเห็น เพราะไม่เคยพบเจอใครที่จะนำเงินจำนวนมากกว่ามาแลกกับเงินที่น้อยกว่า อีกทั้งบางคนไม่แน่ใจว่าเป็นธนบัตรจริงหรือไม่ แต่เมื่อทราบว่าเป็นธนบัตรจริง ต่างพากันนำเงินมาแลกกันอย่างคึกคัก
นายเสริมเกียรติ บอกว่า สาเหตุที่นำเงิน 50 บาท มาเดินแลกกับเงิน 40 บาท เพราะตนมีเงินเพียงพอแล้ว จึงอยากจะแบ่งปันให้แก่คนยากจน หรือผู้ที่มีรายได้น้อยกว่าบ้าง เพราะตนเองก็เคยผ่านความยากลำบากมาก่อน ทั้งต้องการให้คนได้เห็นคุณค่าของการใช้จ่ายเงินด้วย
ทั้งนี้ หากมีเงิน 200,000 บาท ไปเที่ยวต่างประเทศได้แค่ 2 คน แต่หากนำมาให้คนยากจนคนละ 10 บาท จะได้มากถึง 20,000 คน และเมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อสิ่งของราคาแพงก็จะได้เพียงไม่กี่ชิ้น แต่หากซื้อราคาถูกก็จะได้เป็นจำนวนมาก และยังนำมาแบ่งปันให้คนอื่นได้อีก
นายเสริมเกียรติ กล่าวอีกว่า คนเราแม้มีทรัพย์สมบัติมากมายขนาดไหนแต่ตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้ และสิ่งที่โกงกันไม่ได้คือ การกินก็กินได้แค่เพียงอิ่มท้อง การออกกำลังกายก็ทำแทนกันไม่ได้ และการนอนก็โกงกันไม่ได้ เพราะวันหนึ่งมีแค่ 24 ชั่วโมง แต่สิ่งที่โกงกันได้คือ เงิน เพราะคนเราไม่รู้จักพอ แต่สิ่งที่ตนทำแม้หลายคนจะมองว่าเพี้ยน แต่สำหรับตนเองแล้วคือ การแบ่งปัน และจะเดินแลกไปเรื่อยๆ เพราะถือเป็นการเดินออกกำลังกายต่ออายุไปในตัวด้วย
สำหรับ นายเสริมเกียรติ เศรษฐีร้อยล้านคนนี้ เคยสร้างกระแสฮือฮามาแล้ว เมื่อปี 2549 ที่ได้มีการติดป้ายหน้าหอพัก “ประกาศรับสมัครลูกเขย” และมีหนุ่มโสดทั้งใน และต่างจังหวัดมาสมัครเป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นกระแสฮือฮาอยู่พักใหญ่ กระทั่งได้มีการเก็บรื้อป้ายและเรื่องก็เงียบหายไป
