xs
xsm
sm
md
lg

“สุวัจน์” ชี้เจรจาเป็นทางออกที่ดี เชื่อไร้ปฏิวัติ นายกฯ ม.7 เป็นเรื่องทาง กม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “สุวัจน์” แกนนำ ชพน.ชี้การเจรจายังเป็นทางออกที่ดีของประเทศ ขอถอยคนละก้าวแยกปัญหาและแก้ไปทีละปมเพื่อหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้มากที่สุดและประเทศชาติเสียหายน้อยที่สุดแล้วเดินหน้าต่อไป เชื่อไม่มีปฏิวัติ ส่วนนายกฯ ม.7 เป็นเรื่องทางกฎหมาย

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (12 พ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ให้สัมภาษณ์ถึงวิกฤตการเมืองไทยขณะนี้ว่า ตนเห็นว่าเป็นสถานการณ์ความขัดแย้งที่ยาวนานพอสมควร ตอนนี้ทุกคนอยากเห็นเหตุการณ์บ้านเมืองจบลง ซึ่งสามารถใช้วิธีการเจรจากันได้เพราะเหตุการณ์หลายอย่างมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งได้ให้ความสำคัญกับการเจรจา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้ง ปัญหาการเลือกตั้ง ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ต้องพูดคุยกันเพื่อให้แต่ละปัญหาจบเป็นเรื่องๆ ไปไม่มาพันกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าต้องมีการเจรจาหาทางออกร่วมกันว่าเราจะถอยกันอย่างไรคนละก้าว เพื่อให้ได้ทางออกที่ทุกฝ่ายพอยอมรับกันได้แล้วให้ประเทศเดินต่อไป

“หากมองย้อนหลังไปต้องยอมรับว่าท่ามกลางความขัดแย้งที่ผ่านมาทุกฝ่ายก็ยังพยายามที่จะอยู่ในกรอบและยึดหลักของกฎหมาย ถือว่ายังเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้ไม่ลุกลามมากไปกว่านี้ และไม่ขยายความรุนแรง ถึงแม้ความขัดแย้งยังอยู่ก็ยังเบาลงไปตราบใดที่มันไม่มีความรุนแรงและทุกคนยังยึดหลักกฎหมาย” นายสุวัจน์กล่าว

ต่อข้อถามกรณี นายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 เป็นไปได้แค่ไหน นายสุวัจน์ตอบว่า ไม่ทราบ ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย อันนี้เป็นเรื่องประเด็นทางกฎหมาย คิดว่าตอนนี้ต้องมีการพูดคุยกัน เช่น หากมีการเลือกตั้งใครรับผิดชอบ ก็ต้องเป็น กกต. ถือว่ารับผิดชอบทางกฎหมาย ฉะนั้นต้องเป็นเรื่องของ กกต.ที่จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง เชิญรัฐบาล พรรคการเมือง หรือผู้ที่ยังมีความไม่เข้าใจในเรื่องนี้ หรือผู้ที่มีอุปสรรคต่างๆ กับเรื่องนี้มาพูดคุยกัน มันเป็นเรื่องของคนที่จะเป็นเจ้าภาพกับองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง

ฉะนั้นหากถามว่าใครควรเป็นผู้เริ่มมันต้องเป็นตัวละครที่เกี่ยวข้อง ตัวละครที่รับผิดชอบ แต่อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าความขัดแย้งครั้งนี้มันเป็นการขัดแย้งภายในประเทศเรา เป็นเรื่องของพวกเราก็น่าที่จะพูดคุยกันได้และหาทางออก เหตุการณ์ต่างๆ นี้ค่อยๆ พัฒนาไปทีละขั้น ตราบใดที่เรายังไม่ใช้ความรุนแรงกันและนึกถึงกรอบของกฎหมาย เหตุการณ์ก็ยังเบาไม่รุนแรงไปกว่านี้ แต่ถ้าจะให้จบต้องมีการเจรจากันเพื่อหาทางออก หาทางถอย ให้เกิดการยอมรับและขยับไปสู่การเลือกตั้ง แล้วขยับไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เราต้องว่ากันเป็นทีละขั้นๆ ไป

ส่วนข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย กรณีรัฐบาลแห่งชาติมีรัฐมนตรีมาจากทุกพรรคการเมือง นั้น นายสุวัจน์กล่าวว่า วันนี้ใครเสนอความเห็นอะไรเราน่าที่จะรับฟัง เป็นเวทีที่ทุกคนอยากช่วยชาติบ้านเมืองกัน ฉะนั้นท่านใดเสนอความเห็นอะไรก็ดูว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดและช่วยกันคิด

สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ยังว่างเว้นนั้น นายสุวัจน์กล่าวว่า สำหรับบ้านเมืองอะไรที่มันเป็นตัวจริงมันก็ดี เพราะพอเป็นตัวจริงแล้วอำนาจและการแก้ไขปัญหาต่างๆ จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้ อย่างเช่นเรื่องเศรษฐกิจ หากมีรัฐบาลจริงและนโยบายชัดเจนต่างชาติก็เชื่อถือและเข้ามาลงทุนทำให้เศรษฐกิจต่างๆ ไปได้ แต่หากยังไม่มีนายกฯ ตัวจริง ไม่มีการเลือกตั้ง เราจะทำอย่างไรให้สภาวะที่เป็นอยู่อย่างนี้ยังสามารถประคองประเทศไปได้ ซึ่งคงไม่ได้ 100% แต่อย่าให้เสียหายมากนัก ทุกอย่างเมื่อมันเกิดแล้วต้องรับสภาพ แต่ต้องพยายามหาทางออก

ส่วนกรณีที่กลุ่มคณะรัฐบุคคล นำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินสายพบผู้นำเหล่าทัพเสนอแนวคิด “ขอพึ่งพระบารมี” จะเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาทางออกของประเทศชาติได้หรือไม่นั้น นายสุวัจน์ตอบว่า ไม่ทราบรายละเอียดของการเจรจา แต่มองว่าเวลาที่บ้านเมืองมีความขัดแย้งมีความเห็นไม่ตรงกันทุกฝ่ายก็พยายามเสนอทางออก เสนอข้อคิดเห็นของแต่ละฝ่ายมาตรึกตรองกันดูและหาแนวทางที่พวกเราคนไทยจะพูดคุยกัน เพื่อหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้มากที่สุดและประเทศชาติเสียหายน้อยที่สุดแล้วเดินหน้าต่อไป

ทางออกจะเป็นการปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ นายสุวัจน์ตอบว่า ผู้ใหญ่ฝ่ายทหารท่านได้ออกมาพูดหลายครั้งแล้ว เพื่อให้ทุกท่านได้สบายใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น