ฝูงขี้ข้า “อพปช.” โคราชเผาโลงศาล รธน.- ป.ป.ช. หวิดปะทะ “กปปส.” ระดมพลเข้ากรุง

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ฝูงขี้ข้า “อพปช.” โคราช เผาโลงประท้วงศาล รธน.- ป.ป.ช. ค้านคำตัดสิน “ปูเน่า” พ้นนายกฯ พร้อมเผาพริกเกลือสาปแช่ง เผยหวิดปะทะเดือด กลุ่ม กปปส. ระดมพลเข้ากรุงเทพฯ และเปิดแถลงข่าวที่ลานย่าโม เรียกร้อง ปชช. ทุกภาคส่วนยอมรับคำตัดสินของศาล ร่วมหนุนล้มล้างรัฐบาลโจร ขจัดระบอบทักษิณ นำสู่ปฏิรูปประเทศไทย ด้าน ตร. ระดมกำลังคุมเข้ม

วันนี้ (9 พ.ค.) ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ คนเสื้อแดงโคราช ในนามกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) จ.นครราชสีมา กว่า 100 คน นำโดย นายเสนอ นันทน์ธนกุล ประธาน อพปช. จ.นครราชสีมา และ นายน้อย มีสุขจริง หรือ ไก่แจ้ ได้รวมตัวกันชุมนุมสนับสนุนรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย และไม่เห็นด้วยกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุม พ้นจากตำแหน่งกรณีโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมิชอบ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่งกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนแห่โลงศพ พร้อมพวงหรีดไปตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลนครราชสีมา เพื่อแสดงพลังในเชิงสัญลักษณ์ ก่อนกลับมาทำพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งและเผาโลงศพ ที่ติดรูปภาพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และ กรรมการ ป.ป.ช. ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด ซึ่งผู้ชุมนุมบางคนใช้เท้ากระทืบโลงศพด้วยความสะใจ

นอกจากนี้ ระหว่างไฟกำลังลุกไหม้โลงศพได้มีแกนนำ อพปช. รายหนึ่ง นำขวดน้ำมันมาราดลงกองไฟและเทกระจายเป็นบริเวณกว้างออกไปถึงบริเวณที่กลุ่มผู้ชุมนุมยืนอยู่ ทำให้ไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ต่างพากันหนีตายแตกกระเจิง หวิดย่างสดพวกเดียวกันเอง รวมถึงรถยนต์ของประชาชนที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียง ก่อนจะนำน้ำมาช่วยกันดับไฟ

นายเสนอ กล่าวว่า กลุ่ม อพปช. และคนเสื้อแดง จ.นครราชสีมา ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการโยกย้ายข้าราชการระดับผู้บริหารเพื่อให้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลได้เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ซึ่งกลุ่ม อพปช. จะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ในวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.) ในนามคนเสื้อแดงเพื่อเคลื่อนไหวคัดค้านให้ถึงที่สุด พร้อมกันนี้ จะมีสมาชิกคนเสื้อแดงบางส่วนปักหลักอยู่ในพื้นที่ หากเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้นในกรุงเทพฯ กลุ่มนี้จะออกมาเคลื่อนไหวปิดถนนทันที

ในช่วงเวลาเดียวกัน กลุ่ม กปปส. จ.นครราชสีมา กว่า 100 คน นำโดย ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการ กปปส. จ.นครราชสีมา ได้รวมตัวกันที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เพื่อระดมพลส่งกำลังสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่กรุงเทพฯ พร้อมเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เรียกร้องให้ประชาชนทุกภาคส่วนยอมรับหลักกฎหมายและคำตัดสินของศาล และตระหนักในการบริหารประเทศอันผิดพลาดอย่างรุนแรงของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ชินวัตร” แล้วกลับหันหน้ามาร่วมมือร่วมใจหาทางออกที่ปราศจากการจลาจลนองเลือดให้กับประเทศชาติ

รวมทั้งขอให้ประชาชนร่วมกันสนับสนุนให้ส่งกำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่กรุงเทพฯ และเรียกร้องให้ข้าราชการใน จ.นครราชสีมา และจังหวัดอื่นๆ หยุดรับคำสั่งที่หมิ่นเหม่เสี่ยงติดคุกตาราง และไม่ชอบด้วยกฎหมายจากรักษาการนายกรัฐมนตรีและพวก พร้อมให้ออกมาร่วมต่อสู้กับมวลมหาประชาชนเพื่อล้มล้างรัฐบาลทรราช ขจัดระบอบทักษิณอันเลวร้าย นำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทย และขอเรียกร้องให้ นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และพวก หยุดรับใช้ทรราช ทำตัวเป็นขี้ข้านักการเมืองโจร และควรสนับสนุนให้ประเทศชาติคลี่คลายจากวิกฤตการณ์

ทพ.ศุภผล กล่าวอีกว่า วันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.) กลุ่ม กปปส. จ.นครราชสีมา จะทำพิธีสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ใน เวลา 09.09 น. เพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองให้มวลมหาประชาชนได้รับชัยชนะในการล้มล้างระบอบทักษิณ และขจัดรัฐบาลโจรออกไปให้ได้ จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่สำคัญเพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ ก่อนมาปักหลักค้างคืนที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ย่าโม เพื่อระดมพลเป็นกำลังเสริมสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในกรุงเทพฯ ตลอดช่วงการต่อสู้ในยกสุดท้ายนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่กลุ่ม กปปส. นครราชสีมา กำลังแถลงข่าวอยู่นั้น กลุ่ม อพปช. ได้เคลื่อนขบวนผ่านบริเวณหน้าอนุสาวรีย์ย่าโม ที่ กลุ่ม กปปส. รวมตัวกันอยู่ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย ได้เปิดศึกตะโกนด่าทอกันไปมาและยกนิ้วกลางใส่กัน โดยกลุ่ม อพปช. ตะโกนด่าว่า “ไอ้พวกกบฏ” ขณะที่ กลุ่ม กปปส. ตอบโต้ว่า “ไอ้พวกขี้ข้า” ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังมาดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด และวางกำลังกั้นกลางระหว่างมวลชนทั้ง 2 กลุ่มเอาไว้ จนกระทั่ง กลุ่ม อพปช. ได้เคลื่อนขบวนผ่านไป จึงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงหรือการปะทะกันเกิดขึ้น