อุดรธานี - อดีต.สส.เพื่อไทยอุดรฯ เปิดเวทีเป่าหูคนเสื้อแดงอีก อดิศร เพียงเกษ ขึ้นปราศรัยพูดจาหมิ่นเหม่เช่นเดิมตามสันดาน ซ้ำไม่อายปากชู “ปูโง่” เป็นนักสู้ประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวานนี้ (2พ.ค.) ที่ถนนวัฒนานุวงศ์ หน้าศาลากลางจังหวัดอุดรธานี อดีตส.ส. พรรคเพื่อไทย ทั้ง 9 เขต ได้ตั้งเวทีปราศรัยโดยใช้ชื่อว่า ปกป้องยิ่งลักษณ์ นักสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยขบวนการของคนอีสาน โดยมีแกนนำคนเสื้อแดง เช่น นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นายอดิศร เพียงเกษ และ อดีต. ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้ง 9 เขต ขึ้นเวทีสลับสับเปลี่ยนในการปราศรัย และมีคนเสื้อแดงในจังหวัดอุดรธานีจำนวนหนึ่งมารับฟัง
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ขึ้นเวทีกล่าวโจมตี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ออกมาเป็นตัวกลางในการเจรจาทุกฝ่าย แล้วจะเว้นวรรคทางการเมือง ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นคำพูดที่ดีแต่พูดเท่านั้นเอง โดยตัวนายอภิสิทธิ์ เองนั้นได้หนีทหาร ไม่มีสิทธิที่จะมาลงเลือกตั้ง ก็สมควรต้องเว้นวรรคทางการเมืองไปตั้งนานแล้ว
ด้านนายอดิศร เพียงเกษ กล่าวว่า การเมืองไทยมีอยู่ 2 พวก คือพวกเจ้า และพวกราษฎร สู้กันมาตั้งแต่ปี 2475 มีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยมาทุกยุคทุกสมัย มีเหตุการณ์แตกต่างกันประชาชนรับรู้ ความขัดแย้งในตอนนี้พี่น้องประชาชนรู้ดีว่าระหว่างใครกับใคร ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กกปส. เป็นแค่ตุ๊กตา หรือหุ่นเชิดเท่านั้นเอง ส่วนประธาน กปปส. นั้นไม่ทราบว่าเป็นใคร นายสุเทพ พูดไม่ได้
ต้นเหตุทั้งหมดก็คือ พรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคประชาธิปัตย์ นโยบายที่เราหาเสียงเอาไว้ เสนอเข้าไปถูกค้านทั้งหมด ซึ่งวาระ 1, 2, 3 ก็มีวาระ 4 ขึ้นมา ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ สู้ไม่ได้ออกมาข้างถนน ซึ่งกองทุนดีๆ หลายอย่าง เช่น จำนำข้าว กองทุนสตรี ค่าแรง 300 บาท และรถไฟความเร็วสูง ก็ทำไมสำเร็จ ก็เป็นเพราะพวกพรรคฝ่าย และกลุ่ม กปปส. ของนายสุเทพ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีก แต่จะทำให้ประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ซึ่งจะไม่ให้ใครเอายิ่งลักษณ์ ออกจากหัวใจของคนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยไปได้ ทั้งนี้ ก็อยากให้พี่น้องคนเสื้อแดง ออกมาปกป้องยิ่งลักษณ์ นักสู้เพื่อประชาธิปไตยของเรา
รายงานข่าวเพิ่มเติมแจ้งว่า ในส่วนกำนัน ผู้ใหญ่ จังหวัดอุดรธานี ในวันนี้ (3พ.ค.) ในช่วงเย็น ก็จะรวมตัวกันเดินทางลงไปกรุงเทพฯ รวมตัวกันที่กระทรวงมหาดไทย ในการแสดงเจตจำนงทวงคืนกระทรวงมหาดไทยตามที่มีคำสั่งจากรัฐบาลผ่านกระทรวงมหาดไทย