บุรีรัมย์- ทหารพรานที่ 26 ร่วม ตชด.ที่215 สนธิกำลังจนท.อุทยานแห่งชาติ และหน่วยป้องกันรักษาป่า เข้าปิดล้อมจับกุมแก๊งชาวบ้านลอบตัดไม้พะยูงในป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ ส่งขายนายทุน รวบได้ 1 หลบหนี 2 ยึดของกลาง 57 ท่อน มูลค่าส่งขายต่างประเทศหลายล้าน
เมื่อเวลา 04.30 น. วันนี้ ( 26 เม.ย.) พ.อ.ทัศน์พล สุพีสุนทร ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 (ผบ.ฉก.กรม ทพ.26) พ.ต.ท.บุญเลื่อน กุมภาว์ ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 215 อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ และ นายธีรพงษ์ ประยงค์ขำ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตาพระยา ที่ 2 อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ บร.1 , เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก. ปทส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมกว่า 20 นาย เข้าปิดล้อมจับกุมกลุ่มชาวบ้านลักลอบเข้าไปตัดไม้หวงห้ามในเขตป่าอุทยานแห่งชาติตาพระยาและป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ ที่ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ
โดยเจ้าหน้าที่ได้วางแผนล่อซื้อไม้พะยูงจากชาวบ้านที่เข้าไปลักลอบตัดในป่า ให้สายทำทีเป็นนายทุนติดต่อซื้อไม้พะยูงจากชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว เมื่อขนย้ายไม้เพื่อส่งให้กับสายที่ล่อซื้อ เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่ป่า ก่อนแสดงตัวเข้าทำการจับกุม ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพียง 1 คน คือ นายสุเทพ สาระประโคน อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 52 ม.9 บ.โคกตะแบก ต.สำโรงใหม่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ส่วนอีก 2 คน หลบหนีเข้าป่าไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบบริเวณป่าดังกล่าว พบไม้พะยูงซุกซ่อนในป่าด้านทิศใต้ วัดโคกไม้แดง ต.โคกเฟือง อ.ละหานทราย จำนวน 57 ท่อน ปริมาตร 2.09 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐ ร่วม 600,000 บาท หากสามารถส่งขายต่างประเทศจะมีมูลค่าหลายล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมรถจักรยานยนต์ 3 คัน
จากการสอบสวน นายสุเทพ เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า ได้ขนย้ายไม้ที่ตัดจากเขตป่าสงวนมาซุกซ่อนไว้บริเวณดังกล่าวจริงเพื่อจะส่งให้กับนายทุน โดยใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน สีฟ้า สภาพเก่าไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เป็นของนายแดง ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อยู่บ้านสันติสุข ซึ่งนายแดง เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน ที่ได้ให้ตนไว้ใช้งาน ทั้งยังมีรถยนต์กระบะ และรถอีแต๋น ซึ่งมีนายจ้อย ลูกชาย ของนายแดง เป็นผู้ขับขี่
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายสุเทพ ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันทำไม้หรือทำอันตรายแก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันเก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายหรือทำให้เสื่อมสภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำไม้พะยูง ของกลางทั้งหมดไปเก็บรักษาไวที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตาพระยา ที่ 2 อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ต่อไป