อุตรดิตถ์/สุโขทัย - แล้งหนัก ลำห้วยขุนฝางแห้งผากไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียว ชาวบ้านขับรถข้ามได้แล้ว ขณะที่ชาวไร่ข้าวโพดสุโขทัย ต้องควักกระเป๋า-กู้เงินลงทุนเจาะบาดาลกันเอง
นางจีระนันท์ มั่นเข็มทอง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขุนฝาง อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ต.ขุนฝางกำลังเผชิญกับภัยแล้งอย่างหนักทั้งตำบล 9 หมู่บ้าน 1,235 ครอบครัว ประชาชนเดือดร้อนมากกว่า 3,000 คน พืชผลทางการเกษตรเสียหายแล้วกว่า 12,000 ไร่เศษ สัตว์เลี้ยงจำนวนมากก็เดือดร้อนไม่แพ้คน
นางจีระนันท์บอกว่า ปีนี้ถือว่าแล้งมากที่สุดตั้งแต่เป็นหมู่บ้านมา เพราะลำห้วยขุนฝางทุกปีไม่เคยแห้งขอด ช่วงแล้งยังพอมีน้ำให้ประชาชนนำมาใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค หรือทำการเกษตรได้บ้าง
แต่ปีนี้แห้งผากจนสามารถนำรถยนต์ไปวิ่งในลำห้วยได้ ฝายที่เคยกักเก็บน้ำไว้ใช้ 2 แห่งก็เริ่มแห้ง มีน้ำติดก้นฝายอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ปล่อยให้เป็นที่อยู่อาศัยของกุ้งหอยปูปลาไป
ขณะเดียวกัน อบต.ต้องใช้รถบรรทุกน้ำแจกประชาชนทุกวัน แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เพราะงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ต้องเจียดงบประมาณส่วนอื่นไปดูแล จึงอยากให้หน่วยงานระดับอำเภอ และจังหวัดเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ส่วนที่ ต.หนองกลับ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เกษตรกรที่ปลูกทำไร่ข้าวโพด ต่างก็ได้รับความเดือดร้อนกันทั่วหน้าเช่นกัน หลังจากต้องควักกระเป๋าส่วนตัวจ่ายค่าจ้างขุดบ่อบาดาลรายละกว่า 31,000 บาท หลายรายก็ต้องกู้เงินมาจ่ายค่าจ้างขุด ทำให้ต้นทุนการปลูกข้าวโพดในปีนี้สูงขึ้นตามไปด้วย
นายรวน โชติช่วง อายุ 47 ปี เกษตรกรหมู่ที่ 4 กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้รุนแรงมาก และส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเพาะปลูกข้าวโพดกว่า 4,000 ไร่ของ ต.หนองกลับ ซึ่งปัจจุบันแหล่งน้ำแห้งขอดหมดแล้ว
ส่วนบ่อบาดาลเก่าที่เคยลงทุนขุดเอาไว้ปีนี้กลับไม่มีน้ำ ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อจ้างขุดบ่อใหม่ให้ลึกกว่าเดิมถึง 28 เมตร จึงจะมีน้ำมาปลูกข้าวโพดได้
“หนี้เก่าชาวไร่ก็ยังใช้ไม่หมด กลับต้องมาเจอภัยแล้งซ้ำอีกจนเป็นหนี้เพิ่ม เหมือนดินพอกหางหมู หลายคนก็เครียดกันมาก แต่ก็ต้องสู้กันต่อไปเพราะมันเป็นอาชีพ” นายรวนกล่าว