พิษณุโลก - รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 นั่งหัวโต๊ะถกเครียดคดีเด็กวัย 13 ปี จมน้ำตายปริศนา รับหนักใจผลการชันสูตรนิติเวช ทั้ง รพ.มน.-รพ.ตำรวจ ไม่ตรงกัน ต้องไล่สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องใหม่หมด
วันนี้ (18 เม.ย.) พล.ต.ต.ศิรินทร์ ผดุงชีวิตร์ รอง ผบช.ภ.6 พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์ โล่ห์สุวรรณ ผกก.สภ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้ประชุมร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก และตำรวจสืบภาค 6 ชุดคลี่คลายคดี ด.ช.ศุภชัย ธรรมานุพัฒน์ อายุ 13 ปี ซึ่งพ่อแม่ร้องเรียนว่าถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต ที่ห้องประชุม สภ.เมืองพิษณุโลก
พล.ต.ต.ศิรินทร์ กล่าวว่า ตนในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจคลี่คลายคดี มาติดตามความคืบหน้า และตั้งชุดสืบเมืองพิษณุโลก ชุดสืบจังหวัดพิษณุโลก และหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี พร้อมกับมอบหมายงานลงไปอีก โดยมีตำรวจภูธรภาค 6 สนับสนุนทำงานเชิงเทคนิคร่วมมือกันหลายๆฝ่าย เพื่อให้งานเสร็จเป็นการด่วน เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนสนใจ แต่ยังไม่สรุป ยังติดหลายอย่าง โดยเฉพาะรายงานของแพทย์มีเงื่อนไข กลายเป็นปริศนาของคดี
“ตอนนี้ยังคงให้ความสำคัญเกี่ยวกับสาเหตุการตาย จะต้องเรียกพยานทั้งหมดมาสอบเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร้านเกมที่เกี่ยวข้อง ผู้ถูกกล่าวหา พยานต่างๆ พร้อมกับเช็กกล้องวงจรปิดเส้นทางการเข้าของร้านเกมของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน ว่าในวันเกิดเหตุอยู่ที่ร้านเกมจริงหรือไม่”
พล.ต.ต.ศิรินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังต้องหาคำอธิบายผลการชันสูตรอย่างไม่เป็นทางการของแพทย์นิติเวช ของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ที่ยังไม่ตรงกัน ต้องตีความให้ชัดเจน เพื่อให้พ่อแม่เด็กสบายใจ โดยเฉพาะร่องรอยภายในร่างกายของเด็กที่มีเลือด จะต้องไปซักไปถามแพทย์ให้ละเอียดมากขึ้น
โดยแพทย์ รพ.ตร. ระบุว่า ระบบการไหลเวียนของเลือดล้มเหลว ร่วมกับมีแรงกระแทกบางอย่าง ก็จะต้องไปสอบแพทย์ แม้ว่าสอบไปแล้ว แต่แพทย์ก็ตอบภาษาแพทย์ ซึ่งตำรวจจะต้องไปตีความ และสอบเพิ่มเติมอีกครั้งว่าแรงกระแทกเกิดจาการทำร้ายหรือไม่
“นี่คือประเด็นปัญหาสำคัญที่ติดขัดอยู่ ถือว่าหนักใจ เพราะผลชันสูตรทั้ง 2 แห่ง ยังออกรายงานแบบไม่เป็นทางการฉะนั้นจะต้องรอ”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางกัลยา เกตุนาวา มารดาเด็กผู้เสียชิวิตบอกว่า ขณะนี้ยังเดินเรื่องเกี่ยวกับคดีในกรุงเทพมหานครอยู่ โดยได้ประสานให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ ยังคงติดตามคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหาความกระจ่างคดีลูกชายตนเอง
ส่วนประเด็นเรื่องไตหายที่กล่าวในครั้งแรกนั้น เมื่อผลการชันสูตรของสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ยืนยันว่า ไต ยังอยู่ครบ ตนเองก็สบายใจขึ้น และอาจเป็นการเข้าใจผิด หรือสื่อสารที่ผิดพลาดของตนเองว่าแพทย์ระบุว่า ไตหาย อย่างไรก็ตาม ตนเองก็อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว
