กาญจนบุรี - ตำรวจกาญจนบุรี สนธิกำลังจับหนุ่มพม่ากับสาวไทย ได้พร้อมของกลางยาบ้า 114,000 เม็ด มูลค่ากว่า 22,800,000 บาท สารภาพได้ค่าขนครั้งละ 250,000 บาท ทำมาแล้ว 3 ครั้ง เตรียมขยายผลรวบนายทุน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (18 เม.ย.) ที่ สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ร่วมกับ พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงส์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.มนตรี แตงโต รอง ผกก.ป.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.วันชัย อ่อนลออ รอง ผกก.สส.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ วิเศษสิงห์ สว.สส.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ ผ่องเกษม สวป.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.ธนนท์ โตงิ้ว รอง ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.เวช พิสูตร์ รอง ผกก.ป.สภ.สำรอง ช่วยราชการ กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.นที มูลปลั่ง สว.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.ไวโรจน์ แน่นพิมาย สว.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรีสีห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 ฝ่ายปกครองอำเภอทองผาภูมิ
แถลงข่าวจับกุมตัวนายโซ ไน หรือมาย ชาวพม่า อายุ 32 ปี และ น.ส.ภัทรพร โพธิ์เงิน อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 6 ต.หนองบัว อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นแฟนสาวชาวไทย ของกลางยาบ้า จำนวน 114,000 เม็ด ระยนต์กระบะ 1 คัน เงินสด จำนวน 99,880 บาท โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง แหวนทอง 1 วง สร้อยคอทองคำ 1 เส้น
พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี แถลงว่า สืบเนื่องจากช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. ถึงวันที่ 17 เม.ย.ตนได้สั่งกำชับให้ พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงส์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ให้เฝ้าระวังขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติที่แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี
ต่อมา วันที่ 13 เม.ย.เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน กฉ 933 สุรินทร์ มีนายโซ ไน หรือมาย ชาวพม่า อายุ 32 ปี เป็นคนขับ ไปกับ น.ส.ภัทรพร โพธิ์เงิน อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 6 ต.หนองบัว อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์ โดยทั้งสองขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวข้ามเขตไปยังอำเภอพญาตองซู สหภาพพม่า ทางช่องทางส่งสินค้าการเกษตรระหว่างประเทศชั่วคราว
เจ้าหน้าที่เฝ้ารออยู่หลายวัน ทั้งสองคนก็ยังไม่กลับเข้ามายังฝั่งไทย จึงสั่งจับตาดูเป็นกรณีพิเศษ หากพบกลับมายังฝั่งไทยให้ติดตามตรวจค้นอย่างละเอียด
จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น.วันนี้ (18 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี นำโดย พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงส์ พร้อมกำลัง พบรถยนต์คันดังกล่าวขับขึ้นมายังฝั่งไทย เจ้าหน้าที่จึงขับรถยนต์ติดตามมาห่างๆ ส่วนสาเหตุที่ไม่เรียกตรวจค้นในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี เพราะเกรงว่าหากเรียกตรวจค้นจะทำให้ผู้ต้องหาไหวตัวทัน และสามารถขับรถหลบหนีการจับกุมข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ จึงปล่อยให้ผู้ต้องหาขับรถยนต์มาตามเส้นทางรอให้ถึงจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ
จนกระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น. ก่อนถึงจุดตรวจร่วม พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงส์ พร้อมกำลังที่ติดตามมาได้โทร.แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตชด.และ อส.ที่อยู่ประจำจุดตรวจ ร่วมกันสกัดรถยนต์คันดังกล่าวเอาไว้ โดยให้เจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง เพราะเกรงว่าคนร้ายอาจจะมีอาวุธปืน และยิงใส่เจ้าหน้าที่ แต่ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนยอมจอดรถ และให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นแต่โดยดี
การตรวจค้นครั้งแรกไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่พบเงินสดที่ผู้ต้องหาพกมาด้วย จำนวน 99,880 บาท ถือว่าผิดปกติ อีกทั้งพฤติกรรมของทั้งสองเป็นที่น่าสงสัย
พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงส์ จึงตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์งัดกระปุกเกียร์ออกมาดู พบวัตถุต้องสงสัยห่อหุ้มด้วยเทปกาวสีดำ ซุกซ่อนอยู่ภายใน จึงนำออกมาแกะดูเจ้าหน้าที่ถึงกับตะลึง เมื่อพบเป็นยาบ้าถึง 12 มัด เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองเอาไว้ป้องกันการหลบหนี
จากนั้นงัดบริเวณกันชนหน้าพบยาบ้าอีก จำนวน 35 มัด และบังโคลนหน้าซ้ายและขวา พบข้างละ 5 มัด รวม 10 มัด รวมยาบ้าที่ยึดได้ทั้งหมด 57 มัด นับรวมกันได้ 114,000 เม็ด จากนั้นจึงคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ทองผาภูมิ พร้อมยึดทรัพย์สินเอาไว้เป็นของกลาง ประกอบด้วย เงินสด โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง แหวนทอง 1 วง สร้อยคอทองคำ 1 เส้น กล้อง 1 ตัว และรถยนต์กระบะที่ใช้เป็นพาหนะสำหรับขนยาบ้า 1 คัน
สำหรับยาบ้าหากนำไปขายในราคาเม็ดละ 200 บาท จะมีมูลค่าสูงถึง 22,800,000 บาท การจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการจับกุมที่ยึดของกลางได้มากที่สุดในรอบหลายปี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลจับกุมตัวกลุ่มนายทุน และผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองยอมรับสารภาพว่า ยาบ้าทั้งหมดไปรับมาจากพ่อค้าฝั่งประเทศพม่า จากนั้นจะนำไปส่งให้แก่กลุ่มนายทุนในพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี และอำเภอบ่อพลอย โดยมีการนัดหมายส่งมอบยาบ้าตามจุดต่างๆ ที่คิดว่าปลอดภัยจากสายตาตำรวจ จากนั้นจะมีคนมารับยาบ้าไป โดยไม่ทราบว่าใครเป็นนายทุน และได้รับค่าจ้างในการขนยาบ้าครั้งละ 250,000 บาท เคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสะกดรอยติดตามจับกุมได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากคำรับสารภาพเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองรายบอกต่อเจ้าหน้าที่ว่า ไม่รู้จักกับกลุ่มนายทุน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับพฤติกรรม เพราะนายทุนไว้ใจให้ขนยาเสพติดเป็นจำนวนมาก และทำมาแล้วหลายครั้งจึงเชื่อได้ว่ามีความไว้ใจ และสนิทสนมกับกลุ่มนายทุนพอสมควร ดังนั้น เจ้าหน้าที่จะสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป