เที่ยวสงกรานต์ปลอดภัยไปกับคู่มือ “ทางลัด-ทางเลี่ยง-อุบัติเหตุซ้ำซาก-โค้งอันตราย” พร้อมเบอร์โทรฉุกเฉิน
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - “กรมทางหลวง-บก.ทล.-ปภ.” แนะเส้นทางขึ้นเหลือ-ล่องใต้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมทางเลี่ยงรถติด-อุบัติเหตุซ้ำซาก-87 โค้งอันตราย ย้ำอย่าลืมเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน
ก้าวเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จึงเหมาะต่อการเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเป็นวันกลับบ้านของคนพลัดถิ่น ทั้งเพื่อเยี่ยมญาติ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับแล้ว ยังเป็นเทศกาลพักผ่อนท่องเที่ยว ซึ่งนอกจากจะทำให้มีปัญหาปัญหาการจราจรติดขัดแล้ว “อุบัติเหตุ” ยังเป็นปัญหาโลกแตก ที่ต้องวางมาตรการป้องกันชนิดปีต่อปี เพื่อลดสถิติคนเจ็บคนตายลงให้ได้
ดังนั้น เพื่อให้การเดินทางรวดเร็ว แต่ปลอดภัย กรมทางหลวงจึงแนะนำเส้นทางลัดในการเดินทางไปสู่ภาคต่างๆ ดังนี้
เส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ภาคเหนือ
เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 31) หรือทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ เข้าถนนพหลโยธิน ถึงต่างระดับบางปะอิน เลี้ยวซ้ายเข้าสายเอเชีย(ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งสู่ จ.นครสวรรค์
เส้นทางที่ 2 จากถนนรัตนาธิเบศร์ (สาย 302) ถึงต่างระดับบางใหญ่ เลี้ยวขวาเข้าถนนกาญจนาภิเษก ถึงต่างระดับบางบัวทอง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ผ่าน จ.สุพรรณบุรี จ.ชัยนาท เข้าสายเอเชียที่ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท มุ่งสู่ จ.นครสวรรค์
เส้นทางที่ 3 จากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันตก ) ถึงต่างระดับเชียงรากน้อย เลี้ยวซ้ายเข้าสายบางปะอิน-บางปะหัน (ทางหลวงหมายเลข 347) เข้าสายเอเชียที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ
ขณะเดียวกัน ยังมีเส้นทางเลี่ยงการจราจรติดขัด จ.นครสวรรค์
เส้นทางที่ 1 จากต่างระดับอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เลี้ยวขวาใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ผ่าน อ.ตากฟ้า อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร ถึงสามแยกวังทองเลี้ยวซ้าย มุ่งหน้าสู่ จ.พิษณุโลก
เส้นทางที่ 2 เมื่อถึงแยกเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ (กม. 331+810 ทางหลวงหมายเลข 1) เลี้ยวซ้ายใช้ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ (ทางหลวงหมายเลข 122 ) ถึงสามแยกหนองตะโก เลี้ยวซ้ายไป จ.กำแพงเพชร หรือเลี้ยวขวาไป จ.พิษณุโลก
เส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางที่ 1 จากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันตก) มุ่งหน้าสู่ต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่ จ.สระบุรี
เส้นทางที่ 2 จากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) มุ่งหน้าสู่ต่างระดับบางปะอิน เลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1 ) มุ่งสู่ จ.สระบุรี
เส้นทางที่ 3 จากต่างระดับรังสิตไปตามถนนรังสิต-องครักษ์ (สาย 305) ตรงไป จ.นครนายก เลี้ยวขวาเข้าถนนสุวรรณศร (ทางหลวงหมายเลข 33 ) มุ่งหน้าสู่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ถึงสี่แยกกบินทร์บุรี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกบินทร์บุรี-ปักธงชัย (ทางหลวงหมายเลข 304) เพื่อไป จ.นครราชสีมา
เส้นทางที่ 4 ใช้ถนนรามอินทรา-สุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่าน จ.ฉะเชิงเทรา อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
สำหรับเส้นทางเลี่ยงการจราจรติดขัด จ.สระบุรี
เส้นทางที่ 1 จากแยกเลี่ยงเมืองสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนรอบเมืองสระบุรีด้านตะวันออก (ทางหลวงหมายเลข 362) บรรจบถนนมิตรภาพ เลี้ยวขวามุ่งสู่ จ.นครราชสีมา
เส้นทางที่ 2 จากแยกเลี่ยงเมืองสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนรอบเมืองสระบุรีด้านตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 362) บรรจบทางหลวงหมายเลข 21 มุ่งหน้าไป จ.เพชรบูรณ์ ถึงแยก อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2256 ถึง อ.ด่านขุนทด จ.นครราขสีมา เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 201 ไป จ.ชัยภูมิ
เส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ภาคตะวันออก
เส้นทางที่ 1 จากถนนศรีนครินทร์ (ทางหลวงหมายเลข 3344) ใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพฯ-ชลบุรี (มอเตอร์เวย์สาย 7) มุ่งหน้าสู่พัทยา จ.ชลบุรี
เส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ภาคใต้
เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35 หรือถนนพระราม 2) เข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) เดินทางสู่ภาคใต้
เส้นทางที่ 2 ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่าน อ.สามพราน จ.นครปฐม อ.โพธาราม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
เส้นทางที่ 3 จากขนส่งสายใต้ใหม่ ใช้ถนนบางกอกน้อย-นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 338) เข้า จ.นครปฐม จ.ราชบุรี จ.เพชรบุรี
ขณะเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รวบรวมสถิติการเกิดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่าเส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด และมักเกิดอุบัติเหตุซ้ำซากมี 8 เส้นทาง ได้แก่
เส้นทางที่ 1 ถนนมิตรภาพ ช่วง กม.136-138 อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งเป็นทางลงเขาลาดชัน คดเคี้ยว เมื่อขับด้วยความเร็วสูงจะทำให้ควบคุมรถได้ยาก
เส้นทางที่ 2 ถนนพหลโยธิน ช่วง กม.76-77 ต.สนับทึบ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา สภาพถนนเป็นทางโค้ง 10 ช่องทาง และมีจุดกลับรถ ทำให้รถที่ลงเนินมาต้องเปลี่ยนช่องทางทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
เส้นทางที่ 3 ถนนเอเชีย ช่วง กม.66-67 ทางแยกเข้าทางหลวง 356 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีจุดกลับรถหลายแห่ง และมักมีการเข้า-ออกที่ฝ่าฝืนกฎจราจรทำให้เฉี่ยวชนบ่อย
เส้นทางที่ 4 ถนนเพชรเกษม ช่วง กม.152-153 ต.หัวสะพาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี เนื่องจากมีเพียง 4 ช่องทาง และเป็นแหล่งชุมชน
เส้นทางที่ 5 ถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) ช่วง กม.129-130 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นจุดกลับรถ และทางโค้ง มีเพียง 2 ช่องทาง ทำให้รถที่ขับลงเนินมาต้องเปลี่ยนช่องทาง
เส้นทางที่ 6 ถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) ช่วง กม.145-146 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นจุดที่มีรถออกจากซอย และกลับรถตัดหน้ารถทางตรง
เส้นทางที่ 7 ถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) ช่วง กม.4-7 ถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี มีการเปลี่ยนช่องทางจนทำให้รถชนท้ายกันบ่อยครั้ง
เส้นทางที่ 8 ถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 334) ช่วง กม.6-7 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี มีรถหนาแน่น และมีจุดกลับรถ ไหล่ทางแคบ เมื่อมีรถจอดรอทำให้เหลือช่องทางเดียว
ด้านกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) จัดเก็บข้อมูลโค้งอันตรายทั่วประเทศที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย จนได้โค้งอันตราย 87 แห่ง เพื่อย้ำเตือนให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางทราบ และระมัดระวังในการขับขี่ผ่านเส้นทางดังกล่าว ประกอบด้วย
ภาคเหนือ ได้แก่ จ.เพชรบูรณ์ ช่วง ต.สะเดียง อ.เมือง
จ.ลำปาง ช่วง ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ บ้านห้วยกก ต.บ้านหวด อ.งาว ถนนลำปาง-เด่นชัย ต.วังเงิน อ.แม่ทะ ถนนลำปาง-ลำพูน ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร บ้านแม่เตี๊ยะ ต.แม่ถอด อ.เถิน
จ.แพร่ บริเวณ ต.ห้วยโรง ต.โผ่โทน อ.ร้องกวาง ต.บ้านกลาง อ.สอง และทางโค้งศาลาลอย
จ.พิษณุโลก ช่วง ต.บ้านแยง อ.นครไทย
จ.อุตรดิตถ์ ช่วง ต.น้ำฮาง อ.ตรอน
จ.ลำพูน ช่วง ต.ทาสม อ.แม่ทา
จ.เชียงใหม่ ช่วง ต.อินทขิล อ.แม่แตง ต.หางดง อ.ฮอด ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด
จ.เชียงราย ช่วง ต.พาน อ.พาน ต.แม่จัน อ.แม่จัน ต.โป่งผา อ.แม่สาย ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า ต.แม่สรวย อ.แม่สรวย
จ.พะเยา ช่วง ต.แม่ท่า ต.แม่ต้ำ ต.แม่ปิม ต.แม่ใจ อ.เมือง
จ.น่าน ช่วง ต.อ่ายนาไลย อ.เวียงสา
ภาคกลาง ได้แก่ จ.สระบุรี บริเวณโค้งสนับทึบ ถนนพหลโยธิน และโค้งซิกแซ็ก ถนนมิตรภาพ
จ.ปทุมธานี บริเวณทางลงโทลล์เวย์ ถนนพหลโยธิน
จ.พระนครศรีอยุธยา จุดกลับรถถนนเอเชีย ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา กับ ต.ตานิม อ.บาปะหัน
จ.นครปฐม ถนนมาลัยแมน ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน กับถนนเพชรเกษม บริเวณ ต.คลองใหม่ อ.สามพราน
จ.เพชรบุรี ถนนเพชรเกษม ช่วง ต.หัวสะพาน อ.เมือง
จ.ราชบุรี ถนนพระราม 2 ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ กับถนนแสงชูโต ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง
จ.ฉะเชิงเทรา ถนนฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี เขต ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม
จ.ชลบุรี ถนนเลี่ยงเมือง ต.บ้านสวน อ.เมือง ถนนสุขุมวิท ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา ถนนบ้านบึง-แกลง เขต ต.บ้านบึง กับ ต.คลองหลอดไผ่แก้ว อ.บ้านบึง ถนนกระทิงลาย-ระยอง ต.โป่ง อ.บางละมุง
จ.จันทบุรี ถนนสุขุมวิท เขต ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่
จ.ปราจีนบุรี ถนนกบินทร์บุรี-ปักธงชัย ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี
จ.สระแก้ว ถนนอรัญประเทศ-โนนดินแดง เขต ต.ทัพราง อ.ตาพระยา
กรุงเทพมหานคร บริเวณถนนมอเตอร์เวย์ เขตลาดกระบัง กับหน้าด่านเก็บเงินทับช้าง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จ.นครราชสีมา ทางหลวงหมายเลข 2 จุดกลับรถบ้านดอนตะแบง โค้งบ้านโตนด และแยกไฟแดงบ้านดอนหวาย
จ.สกลนคร โค้งปิ้งงูหน้าน้ำตกคำหอม สี่แยกเขื่อนน้ำพุง ต่อเขตเทศบาลเมืองสกลนคร
จ.ยโสธร ถนนอรุณประเสริฐ ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว
ภาคใต้ ประกอบด้วย จ.ชุมพร ถนนเพชรเกษม ต.สลุย อ.ท่าแซะ ถนนเอเชีย ต.ช่องไม้แก้ว อ.ทุ่งตะโก กับต.ละแม อ.ละแม
จ.ระนอง ถนนเพชรเกษม ต.น้ำตก ต.ราชกรูด อ.เมือง ต.บางหิน อ.กะเปอร์ ต.ท่าพวน อ.สุขสำราญ
จ.ตรัง ช่วง ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา
จ.พัทลุง ถนนพัทลุง-ตรัง ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ ถนนพัทลุง-รัตภูมิ ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน
จ.สงขลา ช่วง อ.บางกล่ำ กับ อ.หาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ขอย้ำเตือนผู้ที่จะเดินทางลงภาคใต้ เนื่องจากมีถนน 2 เส้นที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้ คือ ถนนพระราม 2 หรือธนบุรี-ปากท่อ กับถนนบายพาสชะอำ-ปราณบุรี
ถนนพระราม 2 ตั้งแต่มหาชัยเมืองใหม่ จ.สมุทรสาคร จนข้ามแม่น้ำแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม ไปอีกฝั่งที่จะมุ่งหน้า จ.เพชรบุรี ปกติจะมีรถห้องเย็นบรรทุกสัตว์น้ำวิ่งผ่านทั้งวันทั้งคืน ทำให้มีน้ำเมือกปลาไหลลงถนน และแห้งกรังติดผิวถนนเมื่อถูกแดดเผา แต่เมื่อมีฝนตกปรอยๆ น้ำเมือกเหล่านั้นจะละลายกลายเป็นน้ำมันหล่อลื่นชั้นดี ข้อควรระวัง คือ หากมีฝนตกปรอยๆ ให้ค่อยๆ ถอนคันเร่ง อย่าแตะเบรกทันที เพราะจะทำให้รถหมุน หรือเสียการควบคุมจนตกร่องกลางถนน ไหล่ทาง หรือไปชนกับคันอื่นได้ ดังนั้น ชะลอความเร็ว ลดลงเกียร์ต่ำแล้วขับชิดซ้าย หากมีปั๊มน้ำมันข้างทางให้แวะพัก
เมื่อฝนขาดเม็ดให้ดูด้วยว่า หากฝนตกปรอยๆ เท่านั้นก็รอให้ถนนแห้งก่อน แต่หากฝนตกหนัก ก็ออกเดินทางต่อได้ทันที แต่ขอย้ำว่าหากถนนยังเปียกอยู่อย่าใช้ความเร็วสูง เพราะถนนเส้นนี้ “ปราบเซียน” มามากต่อมาก เจ๋งมาจากไหนไม่เรียกรถยก ก็รถมูลนิธิ เพราะตาย หรือเจ็บสาหัสกันมามากแล้ว
ถนนบายพาสชะอำ-ปราณบุรี ระยะทาง 45 กิโลเมตร ที่แยกจากถนนเพชรเกษม ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ไปออก 4 แยกปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใครจะใช้เส้นทางนี้ให้ระมัดระวังช่วงสำนักงานบำรุงทางเพชรบุรี ถึงหน้าวิทยาลัยเกษตรเพชรบุรี อ.ชะอำ ระยะทาง 23 กิโลเมตร เพราะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
สาเหตุเดียวกัน คือ ถนนลื่นช่วงที่ฝนตกปรอยๆ หรือตกหนัก บวกกับถนนเป็นเนินลูกคลื่น เพราะมีรถบรรทุกขนาดใหญ่ใช้เป็นเส้นทางลำเลียงสินค้ากันตลอดทั้งคืน นอกจากนี้ ยังมีจุดทางร่วมทางแยก โดยเฉพาะแยกห้วยตะแปด และแยกช้างแทงกระจาด
ชาวบ้าน 2 ข้างทางทราบดีว่า ผิวถนนมีเมือกน้ำหวานของเปลือกสับปะรด ที่แห้งเกรอะกรังฉาบผิวถนนอยู่ ซึ่งเกิดจากรถบรรทุกเปลือกสับปะรดทำน้ำหวานไหลหยดลงสู่ผิวถนน เมื่อฝนตกเมือกน้ำหวานจะละลายจนทำให้ถนนลื่น เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บ และเสียชีวิตมาแล้วหลายราย
และด้วยความที่ถนนเป็นทางตรง เอื้อต่อการทำให้คนขับหลับในเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้รถเสียหลักตกไหล่ทางพุ่งชนต้นไม้ หรือบางครั้งวัวที่หากินอยู่ข้างถนนเกิดตกใจวิ่งตัดหน้ารถ หรือช่วงกลางคืนที่ถนนเส้นนี้จะมืดมาก ประกอบกับมีต้นไม้ใหญ่ปลูกไว้ตลอดแนว เมื่อรถวิ่งผ่านมักจะเกิดเงาคล้ายคนวิ่งตัดหน้า ส่งผลให้คนขับตกใจหักรถหลบจนตกถนนได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต
ถนนทองผาภูมิ-สังขละบุรี สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเป้าหมายชายแดน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อร่วมสงกรานต์มอญ ที่เจดีย์พุทธคยา กราบสรีระสังขารหลวงพ่ออุตตมะ ที่วัดวังก์วิเวการาม ชมสะพานไม้ หรือสะพานมอญ และโบสถ์ใต้น้ำ บก.ภ.จว.กาญจนบุรี แนะนำว่าจาก อ.ทองผาภูมิ ถึงอ.สังขละบุรี ระยะทาง 74 กิโลเมตร ขอให้คนขับใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถนนมีแค่ 2 เลน คดเคี้ยวขึ้น-ลงเขาลาดชัน ควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อม โดยเฉพาะ “ระบบเบรก” ซึ่งการเดินทางควรใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งเพื่อความปลอดภัย
โดย สภ.สังขละบุรี จัดกำลังดูแลความปลอดภัยบริเวณโค้งพวงมาลัย และโค้งเนินยาว ซึ่งทั้ง 2 จุดจะมีรถสายตรวจวิ่งตลอดเส้นทาง พร้อมมีรถลากให้บริการ นอกจากนี้ ยังมีรถตู้พร้อมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์การแพทย์ให้ความช่วยเหลือหากเกิดอุบัติเหตุ
ขณะที่ทางอำเภอสังขละบุรี จะร่วมกับตำรวจ สภ.สังขละบุรี กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ และตำรวจตระเวนชายแดนที่ 134 ตั้งจุดตรวจจุดสกัดเส้นทางไปชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ เขตติดต่อ อ.พญาตองซู ประเทศพม่า ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่เรียกตรวจค้นก็ขอให้ความร่วมมือด้วย เพราะคนร้ายอาจฉวยโอกาสขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาได้
ส่วนคนขับอย่าได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด หรือหากง่วงนอนให้หยุดนอนพัก หรือดื่มกาแฟที่เจ้าหน้าที่เตรียมเอาไว้บริการตามจุดตรวจจุดสกัด ที่สำคัญให้เติมน้ำมันให้เต็มถังมาจาก อ.ทองผาภูมิ หรือเมื่อมาถึง อ.สังขละบุรี หากมีถังน้ำมันสำรองก็ให้บรรจุน้ำมันไว้ด้วย เนื่องจาก อ.สังขละบุรี มีปั๊มน้ำมันเพียงแห่งเดียว หากน้ำมันหมดปั๊มจะต้องรอนานหลายชั่วโมงกว่ารถบรรทุกน้ำมันเดินทางมาถึง
สุดท้ายขอย้ำว่า ก่อนออกเดินทางสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กรมทางหลวง โทร.1586 ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงเทศกาล หรือตำรวจทางหลวง โทร.1193 หรือจดบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญด้านล่างนี้ไว้ด้วย เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจะได้ไม่เคว้งคว้างจนทำอะไรไม่ถูก
“ASTVผู้จัดการออนไลน์” ขอให้เดินทางไป-กลับโดยสวัสดิภาพ!!!