นครปฐม - ผู้ว่าฯ นครปฐม สั่งให้ข้าราชการในสังกัดเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังร้อนแรงในปัจจุบัน พร้อมสั่งให้ทุกอำเภอติดตามพฤติกรรมความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มมวลชน ตลอดจนติดตามตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มมวลชนที่มีแนวโน้มในการใช้ความรุนแรงที่ผิดกฎหมาย
วันนี้ (29 มี.ค.) นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองมีความเสี่ยง และล่อแหลมต่อความมั่นคงภายใน และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีการปลุกระดมใช้มวลชนในการเรียกร้อง หรือกดดันด้วยวิธีการอันผิดกฎหมาย และไม่มีท่าทีที่จะกลับไปสู่สภาพของสังคมที่ทีสันติสุข และสมานฉันท์อย่างที่เคยมีมาในอดีต แต่จะหยั่งลึกลงไปในความคิด และการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกคน
สาเหตุประการหนึ่งมาจากประชาชนมีการรับรู้ และมีความคิดทางการเมือง ตลอดจนการบริหารราชการแผ่นดินแตกต่างกัน โดยเฉพาะนักการเมือง นักคิด นักวิชาการ และวงการสื่อสารมวลชนที่ได้จุดประกายขยายความคิดของตนเองไปสู่สังคมในวงกว้างจนนำไปสู่การแสดงออกในลักษณะต่างๆ
ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้ส่วนราชการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับข้าราชการในสังกัด เพื่อทราบถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน และขอความร่วมมือวางตัวให้เหมาะสม เป็นกลาง ยึดถือความถูกต้อง และผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ เพื่อสร้างสังคมให้เกิดรอยยิ้ม มีความรัก ความสามัคคี ประชาชนอยู่ดีมีสุข ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และให้ข้าราชการสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนให้ทราบถึงข้อเท็จจริง หลักการปกครองของประเทศตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 แก่ประชาชน และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ในพื้นที่ทราบโดยระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็น และแสดงออกทางการเมือง อันอาจเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 114 และให้ความตระหนักถึงวิกฤตชาติที่ต้องร่วมกันแก้ไข ถึงแม้ความคิดเห็นอาจจะต่างกัน
แต่ต้องไม่แตกแยกกันเพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม ให้ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคประชาชน และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ กิจกรรมสืบสานประเพณีและวัฒนธรรม หรือกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เพื่อแสดงออกถึงความต้องการให้เกิดความสงบสุขกลับคืนสู่สังคมไทยโดยเร็ว
นอกจากนี้ ให้ทุกอำเภอติดตามพฤติกรรมความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มมวลชน ตลอดจนติดตามตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มมวลชนที่มีแนวโน้มในการใช้ความรุนแรงที่ผิดกฎหมาย ใช้คำพูดยั่วยุปลุกปั่นอันอาจนำไปสู่ความรุนแรง ให้พิจารณาหาแนวทางในการป้องกันและปราบปราม และยุติการเข้าเผชิญหน้า ปะทะกันระหว่างกลุ่มมวลชนที่มีความเห็นต่างกัน
รวมทั้งหามาตรการในการควบคุม ป้องกันการจัดหา และสะสมอาวุธร้ายแรง และติดตามเฝ้าระวังตรวจสอบสถานีวิทยุชุมชนในพื้นที่ให้นำเสนอความคิดเห็นทางการเมืองจากฝ่ายต่างๆ อย่างรอบด้าน ทั้งนี้ หากพบเห็นการกระทำผิดให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายทันที พร้อมรายงานให้จังหวัดทราบทุกระยะ
วันนี้ (29 มี.ค.) นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองมีความเสี่ยง และล่อแหลมต่อความมั่นคงภายใน และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีการปลุกระดมใช้มวลชนในการเรียกร้อง หรือกดดันด้วยวิธีการอันผิดกฎหมาย และไม่มีท่าทีที่จะกลับไปสู่สภาพของสังคมที่ทีสันติสุข และสมานฉันท์อย่างที่เคยมีมาในอดีต แต่จะหยั่งลึกลงไปในความคิด และการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกคน
สาเหตุประการหนึ่งมาจากประชาชนมีการรับรู้ และมีความคิดทางการเมือง ตลอดจนการบริหารราชการแผ่นดินแตกต่างกัน โดยเฉพาะนักการเมือง นักคิด นักวิชาการ และวงการสื่อสารมวลชนที่ได้จุดประกายขยายความคิดของตนเองไปสู่สังคมในวงกว้างจนนำไปสู่การแสดงออกในลักษณะต่างๆ
ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้ส่วนราชการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับข้าราชการในสังกัด เพื่อทราบถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน และขอความร่วมมือวางตัวให้เหมาะสม เป็นกลาง ยึดถือความถูกต้อง และผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ เพื่อสร้างสังคมให้เกิดรอยยิ้ม มีความรัก ความสามัคคี ประชาชนอยู่ดีมีสุข ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และให้ข้าราชการสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนให้ทราบถึงข้อเท็จจริง หลักการปกครองของประเทศตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 แก่ประชาชน และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ในพื้นที่ทราบโดยระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็น และแสดงออกทางการเมือง อันอาจเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 114 และให้ความตระหนักถึงวิกฤตชาติที่ต้องร่วมกันแก้ไข ถึงแม้ความคิดเห็นอาจจะต่างกัน
แต่ต้องไม่แตกแยกกันเพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม ให้ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคประชาชน และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ กิจกรรมสืบสานประเพณีและวัฒนธรรม หรือกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เพื่อแสดงออกถึงความต้องการให้เกิดความสงบสุขกลับคืนสู่สังคมไทยโดยเร็ว
นอกจากนี้ ให้ทุกอำเภอติดตามพฤติกรรมความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มมวลชน ตลอดจนติดตามตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มมวลชนที่มีแนวโน้มในการใช้ความรุนแรงที่ผิดกฎหมาย ใช้คำพูดยั่วยุปลุกปั่นอันอาจนำไปสู่ความรุนแรง ให้พิจารณาหาแนวทางในการป้องกันและปราบปราม และยุติการเข้าเผชิญหน้า ปะทะกันระหว่างกลุ่มมวลชนที่มีความเห็นต่างกัน
รวมทั้งหามาตรการในการควบคุม ป้องกันการจัดหา และสะสมอาวุธร้ายแรง และติดตามเฝ้าระวังตรวจสอบสถานีวิทยุชุมชนในพื้นที่ให้นำเสนอความคิดเห็นทางการเมืองจากฝ่ายต่างๆ อย่างรอบด้าน ทั้งนี้ หากพบเห็นการกระทำผิดให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายทันที พร้อมรายงานให้จังหวัดทราบทุกระยะ